วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2554

หนี้กรรม (ตอนที่ ๓)

สวัสดีค่ะ  ท่านผู้อ่านทุกท่าน....อ่านเรื่องหนี้กรรมตอนที่ ๑ จบไปแล้วรู้สึกจิตใจเป็นอย่างไรบ้างคะ  คงจะสงสารหนูมากกว่าสมน้ำหน้านะคะ หนูก็มีวิบากกรรมเหมือนกับคน  เพราะเหตุว่ามีขันธ์ ๕ เหมือนกัน การที่ได้เกิดมาเป็นสัตว์เดรัจฉานก็เพราะผล (วิบาก) ของอกุศลกรรมมีกำลังมากกว่าผลของกุศลกรรม เมื่อเกิดเป็นสัตว์ก็ไม่สามารถที่สร้างบุญกุศลอะไรได้เหมือนกับมนุษย์ ถึงแม้ว่าจะมีขันธ์ ๕ เหมือนกัน  ก็จะมีแต่เวียนวายตายเกิดอยู่ในอบายภูมิเรื่อยไป  จนกว่าผลของกุศลกรรมในชาติก่อน ๆ  จะส่งผลใก้เกิดในภูมิมนุษย์

วันนี้ก็จะขอเล่าเรื่องหนี้กรรมต่อเลยนะคะ  เพื่อไม่ให้เสียเวลารอคอยกันนานนัก  บางท่านก็อาจจะรอมาหลายวันแล้ว เพราะอยากจะทราบว่าหลังจากพวกหนูมันตายกันหมดแล้ว  ยังจะมีพิษสงอะไรอีก  กรรมที่ได้กระทำไปแล้วย่อมมีผลทั้งนั้น  อยู่ที่ว่าจะส่งผลเมื่อไร  เมื่อมีเหตุปัจจัยพร้อมแล้วที่จะให้ผลของกรรมเกิด ผลของกรรมก็ย่อมเกิด ถ้าเป็นกรรมที่มีกำลังแรงเพราะเหตุว่ากระทำด้วยความเจตนา  ผลหรือวิบากกรรมก็ย่อมส่งผลเร็วกว่ากรรมที่ไม่มีเจตนา.....เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครอบครับของคุณหน่อยและคุณพิชัยก็คือ หลังจากที่หนู ๔ ตัว ได้ตายด้วยกาวเหนียว ๆ ดูดแน่น  ไม่มีใครสามารถช่วยได้  คุณหน่อยเองก็ไม่มีเจตนาที่จะฆ่าหนูเหล่านี้หรอกนะ  แต่ว่าคงจะเป็นวิบากกรรมของพวกหนูด้วย จึงต้องมาตายในลักษณะนั้น  กรรมที่คุณหน่อยได้กระทำสำเร็จไปแล้วนั้น  ได้ส่งผลอย่างรวดเร็วเกินคาด

มีอยู่วันหนึ่งหนูตุ๊กตาลูกสาวคนเล็กวัย ๕ ขวบ  หลังจากเลิกเรียนโรงเรียนอนุบาล  พอกลับถึงบ้านก็คงจะหิว
มาก  จึงรีบรี่เข้าไปในครัว ตอนนั้นยังอยู่ในชุดนักเรียนน่ะ  ยังไม่มีเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้า  เธอได้ปีนขึ้นเก้าอี้ที่โต๊ะอาหารในครัว  เพื่อจะเอาของกิน (ขนม) เธอยังเด็กและตัวเล็กมาก ไม่ได้คิดอะไร รู้แต่ว่าหิวก็จะเอาของกินให้ได้  เก้าอี้ที่เธอปีนขึ้นไปนั้น  ได้มีกระติกน้ำร้อนตั้งอยู่  มันก็เป็นเรื่องที่แปลกดีนะ  ที่กระติกน้ำร้อน  ต้องมาตั้งอยู่บนเก้าอี้ตัวที่หนูน้อยตุ๊กตาต้องการจะปีน  ทำไมหนูตุ๊กตาต้องเจาะจงปีนเก้าอี้ตัวที่มีกระติกน้ำร้อนตั้งอยู่  เก้าอี้ตัวอื่นที่ว่างก็มี  และตามปรกติกระติกน้ำร้อนก็จะตั้งอยู่บนโต๊ะ  แต่วันนั้นกลับดันมีคนเอามาตั้งไว้บนเก้าอี้  หนูตู๊กตาก็ไม่ได้สนใจกระติกน้ำร้อนเลย  สนใจอย่างเดียวคือเรื่องของกิน  บังเอิญพอปีนขึ้นไป ยังไม่ทันที่จะยืนบนเก้าอี้  กระโปรงเจ้ากรรมทำเรื่องอย่างช่วยไม่ได้เลย  มันไปปัดเอากระติกน้ำร้อน  เสียหลักทั้งคนและกระติกน้ำ เลยร่วงหล่นลงมาพร้อมกัน  ร่างน้อย ๆ ได้ตกลงมานอนฟุบอยู่กับพื้นห้องอย่างไม่เป็นท่า  กระติกน้ำก็หล่นลงมากระทบกับพื้นด้วยความแรง  เกิดเสียงดังสนั่นลั่นบ้าน  ฝาปิดกระติกน้ำกระเด็นไปคนละทิศคนละทางกับตัว  น้ำร้อนในกระติกซึ่งร้อนมาก ๆ  ได้ไหลทะลักออกมาลวกขาน้อย ๆ  ทั้งสองข้างของเด็กน้อยผู้ไร้เดียงสา  เธอได้ร้้องไห้ครวญครางด้วยความเจ็บปวดร้อนปวดแสบอย่างสาหัส  แผลเหวอะหวะน่ากลัวมาก   พ่อแม่ของเธอจึงได้รีบนำเธอส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว....

ระหว่างที่รอการตรวจเช็คจากแพทย์ทางโรงพยาบาล  คุณหน่อยได้เล่าว่า  เธอได้เห็นหนูวิ่งผ่านหน้าเธอไปเป็นแถวหลายตัว เธอนึกขึ้นได้ว่า หนูพวกนี้ไม่ใช่หนูธรรมดา มันเป็นหนูที่จองเวรเธอ  เธอทราบดีว่าที่ลูกสาวเธอต้องโดนน้ำร้อนลวกเจ็บแสบแสนทรมานอยู่ขณะนั้น  มันเป็นอาการเหมือนที่พวกหนูเขาเป็นมาแล้ว  พวกพ่่อแม่หนูเขาคงจะอาฆาตพยาบาทมากที่ลูกของเขาต้องตายด้วย   ตอนนี้ลูกสาวคนเล็กของคุณหน่อยและคุณพิชัย ก็ได้รับใช้หนี้กรรมที่แม่ของเธอได้กระทำไว้กับพวกหนู  โดยไม่มีทางเลี่ยงเลย...... หนูตุ๊กตาต้องนอนรักษาแผลน้ำร้อนลวก  อยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเวลานานถึง ๒ สัปดาห์  แผลจึงจะค่อย ๆ ดีขึ้น....คุณหน่อยได้เล่าว่า  ขณะนั้นที่เธอนอนเฝ้าลูกสาวอยู่ที่โรงพยาบาล  พวกหนูก็ได้พากันมาปรากฏตัวให้เธอเห็นอยู่บ่อย ๆ  คนอื่นก็ไม่มีใครเห็นด้วย  เธอเห็นคนเดียว เห็นหนู ๔ ตัววิ่งอยู่ที่พื้นห้อง  ทั้ง ๆที่ห้องนอนของโรงพยาบาลก็สะอาดดี ไม่น่าจะมีหนูมาซุกซ่อนอยู่ในที่นั้นได้  แต่ทว่าหนูพวกนี้เขาวิ่งผ่านหน้าแล้วก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว  เธอคิดว่าคงจะเป็นวิญญาณของพวกหนูที่ยังอาฆาตเธออยู่  จึงได้สวดมนต์แล้วอุทิศส่วนกุศลให้พวกหนูทุกตัว  ขอให้พวกเขามีความสุข  อย่าได้มาจองเวรจองกรรมกันอีกต่อไป  หลังจากนั้นมาเธอก็ไม่เคยเห็นวิญญาณของพวกหนูเหล่านั้นอีกเลย   ส่วนลูกสาวของเธอนั้น  แผลที่ขาทั้งสองข้างก็ได้รับการรักษาเป็นอย่างดี  แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีแผลเป็นด่าง ๆ  ทั้งสองข้าง  บางครั้งก็จะมีอาการคันนิด ๆ

...นี่แหละค่ะความวิจิตรของวิบากกรรม  เราไม่สามารถทราบได้เลยว่า  ผลของกรรมที่ได้กระทำไว้แล้วในหลาย ๆ ชาติ จะส่งผลและปรากฏเมื่อไร  เพราะฉะนั้นจึงควรเจริญสติอยู่เนื่อง ๆ  เพื่อกั้นกระแสกิเลสไม่ให้ครอบงำจิต  ควรเจริญกุศลกรรมให้มาก......เรื่องหนี้กรรมนี้ก็เป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้ระลึกเสมอว่า  เราไม่ควรเบียดเบียนสัตว์  กรรมและผลของกรรมมีจริง  สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม......ครอบครัวของคุณหน่อยและคุณพิชัยเป็นครอบครัวที่มีฐานะและหน้าที่การงานดี  มีลูก ๆ หน้ารักและว่านอนสอนง่าย  ทุกคนมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา สวดมนต์ภาวนาสม่ำเสมอทั้งครอบครัว หลังจากที่ได้ชดใช้หนี้กรรมกับหนูไปแล้ว  ชีวิตครอบครัวก็มีความสุขและราบรื่นดี มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานดี  เพราะเป็นคนอยู่ในศีลในธรรมกันทั้งครอบครัว.....สำหรับเรื่อง "หนี้กรรม" กับหนูก็ขอจบเพียงแค่นี้จ๊ะ.....ขอทุกท่านจงมีความสุขใจ ด้วยการเป็นผู้ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่นเถิด

วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2554

หนี้กรรม (ตอนที่ ๑)

สวัสดีค่ะ  ท่านผู้อ่านทุกท่าน....วันนี้พบกันอีกเช่นเคย  ก่อนอื่นฉันต้องขอขอบคุณทุกท่านมาก ๆ จ๊ะ ที่ได้ติดตามอ่านบทความของฉันมาโดยตลอด   หวังว่าท่านคงไม่เบื่อ "กฏแห่งกรรม" นะคะ          .....ชีวิตวัน ๆ ก็หนีไม่พ้นกฏแห่งกรรม ถึงเบื่อยังไง ๆ ก็ต้องเจอจ๊ะ  เพราะเหตุว่าเราเกิดมาก็ด้วยผลของกรรมที่ได้กระทำไว้แล้วแต่ชาติปางก่อน จึงได้มาเสวยผลของกรรมดีและกรรมชั่วในชาตินี้  ต้องวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏฏ์อย่างหาที่สิ้นสุดมิได้....สัตว์โลกทั้งหลายมีกรรมเป็นของ ๆ  ตน  กรรมทุกอย่างมีผลหรือวิบาก ซึ่งจะส่งผลแล้วแต่เหตุปัจจัยปรุงแต่ง แล้วแต่กาลเวลาพร้อมที่จะให้กรรม แต่ละประเภทส่งผล......การกระทำกรรมต่าง ๆ นั้น กระทำได้เพียง ๓ ทางเท่านั้น คือ ทางกาย ทางวาจา และทางใจ  สำหรับทางใจนั้น จะสำเร็จให้ผลเป็นวิบากกรรมได้ ก็ต่อเมื่อครบองค์  คือการกระทำนั้นแสดงออกมา เป็นการกระทำทางกายหรือทางวาจา....ผลหรือวิบากกรรมย่อมเป็นไปตามกฏแห่งกรรม

พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสไว้ว่า "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" ....บางท่านอาจจะคัดค้านในใจว่า ไม่จริ้งไม่จริง  เห็นบางคนทำชั่วร้ายมากมาย  ก็ยังไม่เห็นทุกข์ยากลำบากเลย  นั่นก็เป็นไปได้เหมือนกัน  เพราะเหตุว่า ผลของกุศลกรรมในชาติก่อนมีกำลังแรงกว่า จึงส่งผลให้เขาได้เสวยสุขในชาตินี้  ส่วนผลของอกุศลกรรมที่ได้กระทำไว้แล้วนั้นก็จะส่งผลแน่นอน  เมื่อมีเหตุปัจจัยพร้อมที่จะส่งผล  คนเราเกิดมาหลายภพหลายชาติ  ได้กระทำทั้งกรรมดีและกรรมชั่วไว้มากมายแค่ไหน  ไม่มีใครสามารถทราบได้  ต่อเมื่อตนได้รับความเดือดร้อน ได้รับความทุกข์กายทุกข์ใจนั่นแหละ  จึงจะทราบได้ว่า ผลของกรรมได้ปรากฏแล้ว  เวลามีโชคลาภหรือประสบกับความสำเร็จสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ตนปรารถนา  ก็คิดว่าเป็นเพราะว่าตนได้ทำบุญทำทานสม่ำเสมอ  ที่จริงแล้วไม่เสมอไป  การที่ผลของบุญทานในชาตินี้  ที่ได้กระทำแล้ว จะส่งผลช้าหรือรวดเร็วนั้น  ขึ้นอยู่ที่กำลังของกรรมนั้น ๆ  ถ้าเป็นกรรมที่มีกำลังแรงมาก ก็ส่งผลในชาตินี้ได้ และอาจจะส่งผลรวดเร็วเกินคาดได้เหมือนกัน.....ฉันมีเรื่องน่าสนใจจากสมาชิกที่เมืองไทยท่านหนึ่ง  ได้เล่าให้ฟังเมื่อเร็ว ๆ นี้  เป็นเรื่องเกี่ยวกับกฏแห่งกรรม ซึ่งได้ส่งผลเร็วเกินคาด ฉันคิดว่าน่านำมาเขียนเล่าเป็นวิทยาทานและเป็นคติเตือนใจแก่ทุกท่านด้วยว่า การกระทำกรรมกับสัตว์เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็มีผลให้ได้รับความเดือดร้อนมากได้เหมือนกัน ขึ้นชื่อว่ากระทำอกุศลกรรมย่อมนำความทุกข์มาให้ทั้งสิ้น

ครอบครัวคุณพิชัย (น้องชายของคุณอรุณ ซันทุคซีรองประธานสมาคมไทย-กวนอิม,สวิตเซอร์แลนด์) มีบ้านอยู่ติดกับโรงงานผลิตเต้าหู้ยี้  โรงงานนี้มักจะสร้างปัญหา ให้แก่เพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณย่านนั้น เสมอ ๆ  เพราะเหตุว่าเต้าหู้ยี้ส่งกลิ่นเหม็นรบกวนจมูกชาวบ้านเป็นประจำทุกวัน......นี่ก็เป็นอกุศลวิบากกรรมอย่างหนึ่ง คือเป็นอกุศลวิบากทางจมูก ถ้าหากว่าได้กลิ่นที่ดี  ก็เรียกว่ามีกุศลวิบากกรรมทางจมูกดี  เรื่องของวิบากกรรมไม่มีผู้ใดกำหนดได้  เพราะเหตุว่าเป็นผลของกรรม ที่ได้กระทำไว้เรียบร้อยแล้ว  มีวิธีเดียวคือ ยอมรับตามความเป็นจริงของสภาพธรรมที่ปรากฏ  ยอมรับว่า...."ทุกอย่างเป็นธรรมะ เกิดขึ้นเพราะมีเหตุปัจจัยปรุงแต่ง ไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล ไม่ใช่เรา  ไม่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของผู้ใด เกิดขึ้นแล้วก็ดับไปเป็นธรรมดา" ถ้าฝึกสติระลึกได้เช่นนี้อยู่เนื่อง ๆ  ก็จะสามารถอยู่กับความทุกข์ได้อย่างไม่ทุกข์มากอีกต่อไป....คุณหน่อยภรรยาของคุณพิชัยได้เล่าให้ฟังว่า  ชาวบ้านแถบนั้นมีปัญหาเรื่องกลิ่นเต้าหู้ยี้รบกวนโทสะเป็นประจำยังไม่พอ  ยังต้องประสบกับปัญหาหนักเกี่ยวกับ "หนู" ทุกบ้านโดนพวกหนูแอบลักลอบ เข้ามาร่วมอยู่อาศัยด้วย  จึงต้องพากันคิดหาวิธีขับไล่หนู ๆ ทั้งหลาย ด้วยวิธีต่าง ๆ นานา  ปราบเท่าไรก็ไม่หมด ยิ่งปราบก็ยิ่งดูเหมือนว่า จะมีมากขึ้นกว่าเดิม เพราะว่ามันแพร่พันธุ์กันอย่างรวดเร็วมาก.....วิธีปราบสัตว์บางอย่าง มนุษย์คิดว่าไม่โหดร้ายมาก  แต่ก็อาจจะโหดร้ายเกินไปสำหรับสัตว์ตัวน้อย ๆ ก็ได้  คุณหน่อยเล่าว่า เธอได้ใช้วิธีปราบหนูด้วยการเอากาวเหนียว ๆ  ทาที่กระดาษแข็ง  แล้ววางดักไว้ตรงที่พวกหนูมันชอบออกมาปรากฏตัว มาหากินเศษของเหลือในบ้านหรือในครัว ก็แล้วแต่โอกาสจะอำนวย

การปราบหนูด้วยวิธีใช้กาวเหนียว ๆ  ฉันคิดว่าคงจะเป็นวิธีที่ใช้ได้ผลเหมือนกัน  แต่ว่า...คงจะโหดน่าดูเลย  ถ้าเจ้าหนูเคราะห์ร้ายเผลอไปเหยียบกาวเข้า แก่ก็ไม่มีทางเลือกเลยนะ  มีทางเดียวคือแกต้องจำนนต่อความตายอย่างแน่นอน....คุณหน่อยเล่าว่า พวกหนูมันก็เดินมาติดกาวกันเป็นแถวเลย ตั้ง ๔  ตัว  ติดหนึบเหนียวแน่นชนิดไม่สามารถที่จะขยับเขยื้อนตีนน้อย ๆ ของมันได้เลย  พวกครอบครัวหนูคงจะตั้งใจพากัน  ออกมาหากิน จึงออกมาจากที่หลบซ่อนกันทั้งครอบครัว แหม..ดูพวกเขามีความสุขดีเน๊าะ  ความสุขก็ไม่เที่ยง  เผลอแผล็บเดี๋ยวความสุขหายไป  กลายเป็นซวยกันหมดทั้งครอบครัว อย่างไม่น่าเชื่อ.....พอคุณหน่อยเห็นครอบครัวหนูติดกับดักเสียท่า  เธอเห็นแล้วก็เกิดความเมตตาสงสาร  แต่ว่าเมตตามาช้าไปหน่อย  เธอพยายามที่จะช่วยหนูทั้งสี่ชีวิต ให้พ้นจากความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน กับการจมอยู่ในกาวเพชรฆาต  เธอได้พยายามเอานิ้วมือค่อย ๆ  แกะตีนน้อย ๆ ออกจากกาวที่เหนียวเหนอะหนะ  แต่ก็สุดวิสัยจริง ๆ  ความเหนียวของกาวได้ดูดและยึดตีนของหนูพ่อแม่และลูก ๆ ไว้อย่างแน่นเฉียบ  ขณะที่คุณหน่อยพยายามจะช่วยพวกหนู ๆ ให้พ้นทุกขเวทนาอยู่นั้น พวกเขาก็ได้จ้้องมองเธอด้วยแววตาที่น่าสงสารมาก  คงจะเจ็บปวดมาก....ในที่สุดหนูทั้งสี่ชีวิตก็ทนความเจ็บปวดไม่ไหว จึงสิ้นลมหายใจไปทีละตัวในที่สุด  มีหนูตัวหนึ่งคงจะเป็นพ่อหรือแม่หนูก็ไม่ทราบ  ก็เดากันเอาเองก็แล้วกันว่าใครอาฆาตมากกว่ากัน  เขาได้จ้องหน้าเขม่งมาที่คุณหน่อยด้วยแววตาที่อาฆาตมาดร้าย จนคุณหน่อยเกิดความรู้สึกกลัว ๆ จะเจอผลของกรรม  เพราะเธอเป็นผู้เจตนากระทำกรรมไว้กับพวกหนูทั้ง ๔ ตัว  หลังจากนั้นคุณหน่อยก็ได้จัดการกับซากศพของครอบครัวหนูผู้น่าสงสารเหล่านี้  ด้วยการนำไปทิ้งลงในถังขยะทันที

เหตุการณ์ตายอย่างอนาถของครอบครัวหนู ได้ผ่านไปประมาณ ๓ วันเท่านั้น  ครอบครัวของคุณหน่อยและคุณพิชัยก็ได้ประสบกับอกุศลวิบากกรรมที่ตนได้กระทำไว้......ท่านผู้อ่านค่ะ เรื่องราวต่อไปนี้ก็กำลังตื่นเต้นน่าดู  ฉันต้องขออภัยอย่างมากด้วย ที่ต้องยุติไว้แค่นี้ก่อน เพราะหมดหน้ากระดาษตามที่กำหนดไว้พอดีจ๊ะ  ....คอยติดตามอ่านตอนต่อไปอีกนะจ๊ะ


วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ชะตากรรม

สวัสดีค่ะ  ท่านผู้อ่านทุกท่าน  หวังว่าทุกท่านคงสบายดีนะคะ  ท่านที่อยู่ในเมืองไทยก็คงจะคลายเครียดคลายทุกข์ เกี่ยวกับปัญหาภัยพิบัติกันไปบ้างแล้ว ตามเหตุตามปัจจัย  ฉันก็ขอเอาใจช่วย ขอให้บ้านเมืองไทยของเรา จงผ่านพ้นวิกฤตการณ์ภัยพิบัติทั้งหลายไปด้วยดีเถิด  ฉันอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์แดนไกลแต่ก็เหมือนใกล้น่ะ  เพราะเหตุว่าโลกปัจจุบันนี้มีเทคโนโลยีทันสมัยมาก  การติดต่อสื่อสารรวดเร็วทันใจ โลกอินเตอร์เน็ตโลกออนไลน์ ใคร ๆ ก็รู้จักดีมีทั้งคุณและโทษ  บุคคลบางกลุ่มใช้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น บางคนก็ใช้เป็นสนามรบหรือใช้เป็นสถานที่อะไรก็ได้แล้วแต่กิเลสจะนำไป ๆ  ถึงแม้ว่าโลกจะเจริญมากมายเพียงใด  แต่เราก็ไม่สามารถที่จะหนีพ้น กฏแห่งธรรมชาติและกฏแห่งกรรมไปได้เลย  เราจะต้องประสบกับความไม่เที่ยง  ความทุกข์  และไม่สามารถที่จะได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ปรารถนาดังใจ....พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสไว้ว่า "สัพเพธัมมา อนัตตา" แปลว่า สรรพสิ่งทั้งหลายไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล ไม่ใช่เรา ไม่อยู่ใต้บังคับบัญชาของใคร....ทุกคนมีกรรมเป็นของ ๆ ตน สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม....

สำหรับบทความวันนี้ ฉันก็จะขอนำเรื่องเกี่ยวกับกรรมและผลของกรรม (วิบากกรรม) ของผู้หญิงคนหนึ่งมาเล่าสู่กันฟัง  เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนใจ....ท่านที่ยังไม่ได้เริ่มสะสมเสบียงไว้ติดตัวในภายหน้า  เกิดมีเหตุปัจจัยพร้อมแล้ว  ที่อกุศลวิบากกรรมมาตัดรอนอย่างกระทันหัน  ต้องเดินทางด่วนสายเดี่ยวคนเดียว จะทำอย่างไรหนอ !!....ตอนนี้ก็ยังท่องเที่ยงเพลิดเพลินยินดีพอใจ ติดข้องต้องการอยู่ในรูป เสียง กลิ่น รส  สัมผัสเย็น ร้อน อ่อน แข็ง ไหว ติง และก็ความนึกคิดกุศลบ้าง อกุศลบ้างผ่านไปวัน ๆ ไม่รู้จักพอ......ชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งในต่างแดนที่ฉันจะเล่านี้  ก็เป็นชีวิตที่เป็นไปในกามคุณเหมือนเราท่านทั้งหลายเช่่นกัน  เพราะเหตุว่าเรายังอยู่ในกามภูมิกันอยู่  ยังเป็นปุถุชนกันอยู่นั่นเอง

ฉันได้รู้จักผู้หญิงคนหนึ่ง  เธอชื่อ "นิ่ม" (นามสมมติ) รู้จักมาได้เกือบ ๒๐ ปีแล้ว  ตอนนั้นเธอเพิ่งมาอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ และได้แต่งงานกับชาวสวิสได้ปีเศษ ๆ   เธอเป็นคนหน้าตาดีมีหุ่นสวย ชอบแต่งตัวหวือหวาท้าทายกิเลสพวกหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ทั้งหลาย  เธอจะพอใจและสุขใจมาก  ถ้ามีคนมาหลงรัก  อาชีพประเดิมเริ่มแรกหลังจากที่ได้สิทธิ์ในการทำงานแล้ว ก็คืองานในโรงงานแห่งหนึ่ง นับว่าโชคดีมากทีเดียวเพราะว่าการที่จะได้เป็นสาวโรงงานในเมืองนอก  ก็ใช่ว่าจะเป็นกันได้ง่าย ๆ

ต่อมาไม่นานนักโชคชะตากรรมได้เปลี่ยนชีวิตของนิ่ม  จากหน้ามือเป็นหลังเท้าอย่างไม่น่าเชื่อ  แต่ก็ต้องเชื่อ  เพราะว่าเรื่องกรรมเป็นเรื่องที่ยุติธรรมมากทีเดียว  กรรมใดที่ได้กระทำไว้แล้วย่อมมีผล และผลของกรรมก็ไม่ต่างไปจากกรรมนั้น ไม่มีใครต่อรองผลของกรรมได้เลย  เราไม่ทราบว่าผลของกรรมจะส่งผลเมื่อไร เป็นกุศลวิบากกรรมหรืออกุศลวิบากกรรม ก็ไม่อาจทราบได้ล่วงหน้า  ผู้ที่จะอยู่เหนือกรรมได้ก็จะต้องเป็นผู้ที่ประพฤติปฏิบัติอบรมเจริญปัญญา จนสำเร็จบรรลุขั้นพระอรหันตผลนั่นแหละ จึงจะหนีวิบากกรรมของตนได้....สาวนิ่มผู้นี้หารู้ไม่ว่า สามีของตนได้แอบมีผู้หญิงอื่น เช่นเดียวกับเธอที่ชอบแอบมีคนรัก  จนในที่สุดชีวิตคู่ก็ต้องจบลง ด้วยการหย่าขาดจากกันโดยสิ้นเชิง....ดวงชะตานี่ช่างไม่สงสารเธอบ้างเลย  ยังไม่ทันเผลอเลยโดนซ้ำอีกรอบ......หลังจากที่ต้องเป็นหม่ายอยู่โดดเดี่ยวคนเดียวไม่นานนัก  เธอก็ได้ถูกทางโรงงานให้ลาออกจากงาน  เพราะเหตุว่าช่วงนั้นบริษัทกำลังจะเจ๊ง เขาจึงมีการลดปริมาณคนทำงานลง....ดวงของสาวนิ่มนี่ก็แปลกแต่จริง บางครั้งดูเหมือนว่าจะแย่มาก ๆ  แต่ก็ยังมีโชคเข้าข้างเหมือนกันน่ะ  คงจะเป็นเพราะชนกกรรมคอยตามช่วยเธอเสมอ จึงไม่ถึงกับแย่ยับอับโชค  เธอได้ไปสมัครทำงานใหม่ ที่ร้านอาหารไทยชื่อดังแห่งหนึ่ง  อยู่ใกล้ ๆ เมืองที่เธออาศัยอยู่  เจ้าของร้านอาหารเห็นว่าเป็นคนหน้าตาดี และมีมรรยาทดีด้วย  จึงได้รับไว้ทำงานเป็นพนักงานเสริฟและรับออร์เดอร์  เธอขยันทำงานและรับผิดชอบดีมาก จนเจ้าของร้านไว้วางใจ  ทำงานได้ไม่นานนัก  เจ้าของร้านได้แต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการฝ่ายบริการทั้งหมด......

ตอนนี้เป็นช่วงที่สาวนิ่มกำลังรุ่งเรืองอีกครั้ง  เพราะมีรายได้ดีพอสมควร  เธอมีเพื่อนมากมายทั้งหญิงชาย ทั้งไทยและฝรั่ง  เพราะว่าเธอเป็นคนใจกว้างไม่มีขอบเขต  มีนิสัยชอบเลี้ยงไม่อั้น ใคร ๆ ก็รู้จัก "นิ่ม" นอกจากนั้นยังใจบุญ ชอบทำบุญไม่อ้ัน  เธอชอบสวดมนต์ฟังธรรม มีความเชื่อในเรื่่องเร้นลับมาก จนบางครั้งดูเหมือนว่างมงายและเพ้อเจ้อ.....ชีวิตของเธอในช่วงที่ทำงานร้านอาหารไทยนี้  ดูเหมือนว่าจะรุ่งเรืองดี  จนลืมคิดว่าสักวันหนึ่ง  ดวงอาจจะรุ่งริ่งก็ได้  เธอใช้ชีวิตแบบประมาทมาก  หลังจากเลิกงานแล้ว  ก็มักจะไปเที่ยวนั่งดื่มที่ร้านอาหารไทยขาประจำแห่งหนึ่ง  ซึ่งเป็นแหล่งที่มีคนไทยชอบมาชุมนุมกันเสมอ ๆ   แทนที่เธอจะกลับบ้านพักผ่อน เพื่อที่จะได้ถนอมเรี่ยวแรงไว้ทำงานในวันต่อไป  เธอก็จะออกเที่ยวต่อจนเป็นนิสัย.....และแล้ววันหนึ่งเวลาดึกประมาณตี ๒  เธอตั้งใจจะพบปะเพื่อนฝูงนักดื่มด้วยกันที่ร้านไทยแห่งนี้  ขณะที่เปิดประตูจะเข้าไปในร้าน.....ทันใดนั้นก็ได้มีขวดเบียร์เปล่าขวดหนึ่งได้ลอยดิ่งตรงมากระทบที่หน้าท้องน้อยของเธออย่างแรง โดยที่ตั้งตัวไม่ติด ทำให้เธอต้องโดนลูกหลง เจ็บปวดอย่างสาหัส  ถึงกับต้องให้คนช่วยเรียกรถฉุกเฉินของโรงพยาบาล  มารับตัวส่งโรงพยาบาลด่วน....เห็นไหมค่ะ ว่า "วิบากกรรม"  มีความวิจิตรมากขนาดไหน  ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าเลยว่า วิบากกรรมจะส่งผลลักษณะใด เมื่อไหร่ เวลาไหน....ในที่สุดสาวนิ่มก็ซวยเพราะว่าคืนนั้นพวกหนุ่มไทยที่อยู่ในร้าน เขาเมาแล้วก็มีเรื่องทะเลาะกัน  กำลังดุเดือดถึงกับขว้างปาขวดใส่กัน สาวนิ่มก็ไปจังหวะพอดีได้ที่  ก็เลยเพียบไประยะหนึ่ง

เหตุการณ์นี้ผ่านไปได้ปีกว่า ๆ  ผลของกรรมยังไม่หมดเพียงแค่นั้น  ยังมีอีกจ๊ะ....สาวนิ่มตอนนั้นอายุประมาณ ๔๐ ปีเศษ ๆ  เธอเริ่มมีอาการปวดท้องน้อยบ่อย ๆ ผิดปรกติ เป็น ๆ หาย ๆ  ได้รับความทุกข์ทรมานมาก และไม่สามารถทำงานได้ตามปรกติ  เธอได้ไปตรวจเช็ค  แต่ก็ไม่พบว่ามีอะไรผิดปรกติ  ปวดท้องเป็นเวลาถึง ๖ เดือน จึงได้ตรวจพบว่าสาเหตุเกิดจากเยื้อที่ผนังมดลูกติดกับผนังท้องน้อยอักเสบ ซึ่งเกิดจากอุบัติเหตุ ที่โดนขวดกระทบที่ท้องอย่างแรง  เป็นเหตุให้มดลูกและผิวหนังของท้องน้อยติดกัน และชอกช้ำมากจนเกิดการอักเสบเรื้อรัง  ถึงกับต้องผ่าตัดโดยเร็ว เพราะอาจจะกลายเป็นเนื้อร้ายได้ในภายหลัง.....อกุศลวิบากกรรมได้ที  ก็เลยตามเล่นงานเธอแบบชนิด ไม่ยอมทิ้งช่วงว่างเลย  หลังจากได้รับการผ่าตัดแล้ว  ร่างกายไม่แข็งแรงดีเหมือนเดิม  เจ้าของร้านอาหารก็เลยหาวิธี กลั่นแกล้งใส่ร้ายให้เธอมีความผิดอยู่บ่อย ๆ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ผิดไปหมด  ในที่สุดสาวนิ่มก็ดวงจู๋อีกครั้ง  คราวนี้หนักมากถึงกับคิดจะลาโลก  แต่ฉันได้ห้ามเธอไว้ ได้บอกและเตือนเธอว่า "อย่าคิดเช่นนั้น  เพราะแค่คิดก็ขาดทุนแล้ว มันเป็นการสะสมอกุศลจิต ไหน ๆ เคยเจออุปสรรคมามากมายแล้ว ก็ยังทนและผ่านมาได้จนถึงวันนี้ ไม่ต้องฆ่าก็ต้องตายอยู่แล้ว จะทำร้ายตัวเองทำไม น่าจะอยู่ดูชีวิตของตัวเองต่อไป แล้วก็หมั่นทำความดีไว้ให้มาก"  เธอก็เงียบฟังด้วยดี  แต่ก็อดที่จะเถียงและทวงผลบุญไม่ได้  เธอบอกว่าตนเองก็เป็นคนดี  มีแต่ให้ มีแต่ช่วยคนอื่นให้มีความสุข บุญทานก็ทำเป็นประจำ สวดมนต์ฟังเทศน์ฟังธรรมอยู่เสมอ  ไม่เห็นได้รับผลที่เป็นความสุขบ้างเลย มีแต่ซวย ๆ จวนจะหมดตัวแล้ว  ฉันก็ได้แต่พยายามอธิบายเกี่ยวกับเรื่องกรรม เพื่อที่จะให้เธอได้เข้าใจบ้าง ว่ากุศลกรรมที่ได้กระทำแล้วในชาตินี้ บางอย่างไม่มีกำลังมาก  พอที่จะส่งผลในชาตินี้  แต่ถ้าอกุศลกรรมที่ได้กระทำแล้วในอดีต  มีกำลังมากกว่าก็จะส่งผลให้ได้เสวยในชาตินี้......

กรรมดีและกรรมชั่วที่ได้กระทำแล้วนั้น ไม่สูญหายไปไหน เมื่อมีเหตุปัจจัยพร้อมแล้วที่จะส่งผล ก็จะส่งผลตามกาล ไม่มีผู้ใดกำหนดได้ว่า  เมื่อไร ตอนไหน....เธอก็พอจะเข้าใจและสงบลงบ้าง   ชีวิตของนิ่มเริ่มตกต่ำลำบากแบบสุด ๆ อย่างไม่เคยมีมาก่อน  แฟนที่คิดว่าจะตกลงร่วมชีวิตด้วยกัน  ก็มาบอกปฏิเสธง่าย ๆ ว่าไม่รักเธอแล้ว   งานก็ไม่มีทำ เงินจากทางประกันตกงาน  ก็ไม่พอค่าใช้จ่ายและค่าเช่าที่พัก เพื่อนฝูงพากันหลบหน้าหนี กลัวเธอเหมือนกับว่าเห็นผีเมื่อเห็นเธอ เพราะกลัวว่าเธอจะขอยืมเงิน  แล้วไม่ใช้คืน มีแมวสวย ๆ เป็นสุดที่รักอยู่ ๓ ตัว จำใจต้องแยกจากกัน  เพราะว่าไม่สามารถจะซื้ออาหารให้กินได้เหมือนเมื่อก่อน  แม้กระทั่งตนเองก็ยังต้องอด  บางวันได้กินแต่น้ำเปล่าประทังชีวิต เธอได้นำแมวทั้งสามตัวไปยกให้กับสถานที่เลี้ยงสัตว์ แล้วแต่เขาจะดูแล ทั้ง ๆ ที่เธอก็เลี้ยงมันมาร่วม ๑๐ กว่าปีแล้ว ผูกพันกันมาก อยู่ด้วยกันเหมือนแม่กับลูก

.....ในที่สุดโชคชะตาก็สงสารเธออีกครั้ง  เธอไปสมัครทำงานที่บาร์ของฝรั่ง เขาก็รีบรับไว้ทันที แต่ว่าให้ทำชั่วคราว ก็ยังดีกว่าไม่มีงานทำ เธอเป็นคนขยันและรับผิดชอบดีมาก  จนเจ้าของร้านพอใจ  เวลาผ่าน ไปได้ ๖ เดือน ก็ได้รับบรรจุทำงานประจำ ต่อมาไม่นานนัก  เธอก็ได้รับตำแห่งหัวหน้างาน  มีเงินเดือนดีชีวิตและความเป็นอยู่ดูดีขึ้น เพื่อนฝูงอุดมสมบูรณ์  ใครเห็นก็รีบตะโกนร้องทัก ใครไม่มีเงินบอกได้ขอได้ แถมโชคดีมีเด็กหนุ่มฝรั่งมาหลงรัก....ชีวิตของนิ่มโลดโผนน่าดูมากเลย  แต่ว่าดีไม่นานนัก  แล้วก็จะตกต่ำแบบสุด ๆ อีก จนเป็นที่รู้เลยว่า ไม่นานก็จะเหมือนเดิมอีก.....นิ่มเคยบอกกับฉันว่า เธอไม่อยากเล่าเรื่องปัญหาของเธอให้ฉันฟังอีกแล้ว  เพราะว่าทุกอย่างมันเหมือนเดิม  เป็นวัฏฏสงสารที่ไม่มีวันจะเป็นอย่างอื่นได้เลย  ทุกวันนี้ก็พอมีงานมีเงินใช้นิด ๆ หน่อย ๆ แทบไม่พอกิน  เพื่อนฝูงไม่มีเลย เหมือนตายจากัน แต่เธอก็อยู่ได้ทนได้กับภาวะเช่นนี้  เพราะว่าอยู่กับธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  เลิกงานมาก็กลับบ้านฟังธรรม  แล้วก็หลับไปกับพระธรรม งานก็มีทำแบบชั่วคราวเพราะงานที่บาร์นั้นเจ้าของเขาเจ๊งไปแล้ว  เธอก็กลับไปของานที่ร้านไทยแห่งเดิมทำ เขารู้จักเธอดี  จึงให้งานทำแบบชั่วคราว  ตอนนี้เธอมีอายุมากแล้ว  ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะทำงานหนัก ๆ  และไม่คล่องตัวจึงมีปัญหาในการทำงานเสมอ  เธอบอกว่าเดี๋ยวนี้ถึงจะทุกข์ยากอย่างไร  ก็จะไม่ขอฆ่าตัวตาย จะขออยู่ดู "ชะตากรรม"  ของตน จนกว่าชีวิตจะหาไม่.....ฉันก็พลอยดีใจกับความคิดในแง่บวกของเธอ ขอให้เธอจงเป็นผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งต่อสู้กับอุปสรรค์และโลกธรรมต่อไป ด้วยจิตศรัทธาเลื่อมใสในพระธรรมเถิด

ท่านผู้อ่านค่ะ  บทความนี้ก็คงจะต้องขอยุติเพียงแค่นี่  หวังว่าทุกท่านคงจะได้รับสาระประโยชน์พอสมควร จากตัวอย่างชะตากรรมของสาวนิ่มผู้ทุกข์แต่ไม่ทิ้งธรรมผู้นี้....ขอทุกท่านจงเป็นผู้ไม่ขัดสนเสบียงไว้เลี้ยงตัวในภายหน้านะคะ

                                                                   ................................................