วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ท้าวนาคราชมาโปรด

ธาตุกายสิทธิ์ท้าวนาคราชพุชงค์
เรื่องเกี่ยวกับอิทธิฤทธิ์ของพญานาคที่ฉันจะนำมาเล่าต่อไปนี้  เป็นผลของกรรมในฝ่ายกุศล คือผลของการฝึกจิตจนมีพลังสามารถสื่อกับวิญญาณได้  ท่านผู้อ่านอาจคิดว่า ฉันจะเว่อร์มากไปแล้ว  ใครจะคิดอย่างไรก็ตาม  ฉันไม่รับทราบด้วย  เพราะเหตุว่ามันเป็นเรื่องของ "จิต" ซึ่งเป็นธรรมชาติเป็นนามธรรม  จิตเมื่อเกิดขึ้นต้องทำกิจของเขา  จิดเกิดขึ้นทำหน้าที่คิดเรื่่องกุศลบ้างอกุศลบ้าง แล้วแต่เหตุปัจจัย เกิดขึ้นแล้วดับสืบต่อ เป็นเหตุปัจจัยให้เกิดจิตดวงใหม่ขึ้น ไม่มีใครบังคับบัญชาจิตได้ เพราะไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล ไม่ใช่ของเรา ด้วยความที่จิตยังไม่ได้รับการฝึกอบรมให้มีธรรมะ จิตก็จะชอบคิดแต่อกุศลหรือไหลตามกระแสอารมณ์ต่าง ๆ ที่มากระทบ ฉะนั้นใครจะคิดอะไรก็แล้วแต่จิตของเขา

เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้  เป็นเรื่องจริงจากประสบการณ์ตรงของฉันเอง  มีอยู่วันหนึ่งมีคนมาขอไหว้ครูบาอาจารย์  เขามากัน ๓ คน เตรียมดอกไม้ธูปเทียนมาพร้อม  เขาเพิ่งมาหาฉันเป็นครั้งแรก  ที่มาหาบ้านถูกโดยไม่หลงทาง  ก็เพราะมีเพื่อนที่รู้จักกับฉันเป็นคนพามา  พอมาถึงบ้านและได้พักเหนื่อยกันแล้ว จากนั้นเราก็เข้าห้องพระ  เพื่อสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยร่วมกัน  พอเสร็จการสวดมนต์แล้ว เราก็ได้เริ่มพิธีไหว้ครูบาอาจารย์  โดยฉันเป็นผู้ทำหน้าที่สื่อกับครูบาอาจารย์ของแต่ละคน

การสื่อกับวิญญาณโดยการกำหนดจิตนี้  ไม่เหมือนกับการเข้าทรงตามสำนักทรงทั่ว ๆ ไป เพราะไม่มีการแต่งเครื่องทรงและต้องมีการดื่มเหล้าหรือเคี้ยวหมาก ตามแต่องค์ที่มาทรงจะต้องการ วิธีสื่อด้วยทำแบบสบายไม่มีพิธีรีตรอง  ปัจจัยดอกไม้ธูปเทียนไม่มีก็ไม่เป็นไร  การสื่อมีสองลักษณะคือ การสื่อภายในแบบไม่เปิดเผยให้คนภายนอกรู้  หมายถึงฉันจะเป็นผู้ติดต่อกับครูบาอาจารย์ในโลกทิพย์  แล้วก็เล่าให้ฟังว่า ครูบาอาจารย์ท่านคือใคร ชื่ออะไร ท่านพูดอะไรบ้าง  ส่วนอีกลักษณะนั้นเป็นการสื่อแบบเปิดเผย โดยให้เขาได้คุยกับครูบาอาจารย์ด้วยตนเอง  ฉันก็จะอนุญาตให้ครูบาอาจารย์ผ่านร่างได้ชั่วขณะ  ฉันจะเป็นผู้กำหนดเวลาเองตามแต่จะต้องการ

คนที่มาขอพบครูบาอาจารย์  ส่วนใหญ่ก็จะหวังเรื่องโชคลาภ  มากกว่าเรื่องประโยชน์อย่างอื่น เช่นเรื่องการฟังธรรมะจากครูบาอาจารย์  คนไม่ชอบฟังแต่ก็ต้องยอมนั่งฟัง  ครูบาอาจารย์ท่านมาโปรดลูกศิษย์ด้วยการให้ฟังธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ท่านจะแนะนำวิธีเจริญสมาธิและเจริญสติปัฏฐานแล้วแต่กำลังศรัทธาของแต่ละคน  บางคนไม่สบายปวดศีรษะ ปวดกระดูก ปวดข้อเป็นเวลานาน รักษาหมดเงินมากแล้วยังไม่หาย  ท่านก็ปัดเป่าให้ ก็หายเป็นปลิดทิ้ง เพราะเหตุว่าอาการที่เป็นนั้น ไม่ใช่โรคของความเสื่อมของสังขาร แต่เป็นโรคเกี่ยวกับกรรม  บางรายก็โดนวิญญาณแฝงอยู่เพราะเป็นคนชอบเที่ยวกลางคืนในที่ไม่สมควร ท่านก็ทำพิธีเชิญวิญญาณออกจากร่างให้  ถ้าเป็นผีร้ายสิงก็ต้องขับไล่กันดุเดือดน่าดูเหมือนกัน แต่ก็เจอไม่บ่อยนัก

หลังจากพิธีไหว้ครูและฟังธรรมจากครูบาอาจารย์เสร็จเรียบร้อยแล้ว  ฉันก็เปิดโอกาสให้พวกเขาได้สนทนาเป็นส่วนตัวกับครูบาอาจารย์  มีคนหนึ่งเขามีปัญหาเกี่ยวกับการงาน เขาต้องการจะได้รับการบรรจุเป็นพนักงานประจำ ในโรงงานแห่งหนึ่งซึ่งเป็นบริษัทใหญ่มาก  ตอนนั้นเขาเป็นลูกจ้างชั่วคราวอยู่  จึงได้ขอให้ปู่นาคราชพุชงค์ช่วย  ท่านได้เสกบัตรประจำตัวพนักงาน  ที่เขาใช้ติดหน้าอกเวลาทำงานให้และยังรับรองด้วยนะ  ว่าจะต้องได้ทำงานประจำอย่างแน่นอน  ผู้หญิงคนนี้ตกงานบ่อยมาก  ปู่ทำพิธีสวดลงคาถาอยู่สักครู่  ไม่น่าเชื่อว่าคาถาของท่านได้ผลจริง ๆ

หลังจากนั้นแค่เดือนเดียว  เธอได้รับการบรรจุเป็นพนักงานประจำตามที่ปู่นาคราชบอก  จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ก็ยังทำอยู่  ปู่พุชงค์ท่านเมตตาลูกหลานมากเลย  ไม่เรียกร้องสิ่งตอบแทน แต่ลูกหลานส่วนใหญ่พอได้ดีแล้วมักจะลืมท่าน  พอเดือดร้อนก็มาขอให้ท่านช่วยอีก  ท่านก็ช่วยโดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ  คนไม่มี "ความกตัญญูกตเวที" ย่อมเจริญยาก โดยเฉพาะทางธรรม  เขาจะไม่สามารถศึกษาธรรมะได้เลย  เพราะจิตของเขายังมืดบอดหลงอยู่ในโลกสมมติ  ไม่มีคุณธรรม

มีอีกรายหนึ่งหาเลี้ยงชีพในทางผิดศีลผิดกฏหมาย  ปู่นาคราชพุชงค์ไม่สามารถที่จะช่วยได้ เขาค้ายาเสพติดมาหลายปีแล้ว แต่ยังขาดคู่ชีวิตที่ดี เขาต้องการจะได้คู่ครองที่ดี  ปู่นาคราชบอกง่าย ๆ ว่าช่วยไม่ได้เพราะการกระทำทุกอย่างมีผล  ถ้ากระทำผิดศีลผิดกฏหมายบ้านเมือง  ก็จะได้รับอกุศลวิบากเมื่อเหตุปัจจัยที่จะส่งผลพร้อมแล้ว  ทางกฏหมายบ้านเมืองก็จะลงโทษ  ตนเองก็จะต้องเดือนร้อนทั้งกายและใจ ท่านช่วยไม่ได้  "กรรมมีผลของกรรมมี"  ในเวลาต่อมาไม่นานนัก  ฉันก็ได้ข่าวว่า เขาต้องใช้ชีวิตแบบหลบหนีตำรวจ  ในที่สุดต้องหนีกลับเมืองไทย

เรื่องการโปรดของท้าวนาคราชก็ขอจบลงเพียงแค่นี้  ยังมีอีกเยอะค่ะ เกี่ยวกับเรื่องลึกลับของโลกทิพย์  ถ้าท่านหมั่นฝึกเจริญสมาธิอยูเนื่อง ๆ  จนจิตมีพลังก็จะสามารถสัมผัสกับโลกทิพย์ได้เอง  แล้วก็จะหายสงสัยว่า "โลกลี้ลับโลกทิพย์และวิญญาณมีจริงมั้ย" เมื่อก่อนฉันก็สงสัยเช่นกัน  เกี่ยวกับเรื่อง "จิต" ก็เหมือนกัน เราควรศึกษาอย่างยิ่ง เพราะจิตสร้างภพชาติให้เรามาเกิดไม่รู้ว่ากี่แสนโกฏิกัป  ถ้าเราสังเกตและเรียนรู้เกี่ยวกับ "จิต" ก็จะทราบว่า  การที่กายต้องเดือดร้อนและใจต้องเศร้าหมองอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะเหตุว่า "จิต"มีตัวอวิชชาคือความไม่รู้ตามความเป็นจริงของธรรมทั้งหลายที่ปรากฏขณะนี้

จิตที่ไม่ได้รับการอบรมให้มีคุณธรรม  ย่อมเป็นจิตที่เต็มไปด้วยความติดข้องต้องการและยึดมั่นถือมั่นอย่างเหนียวแน่น  ยากแก่การเข้าถึงธรรม  ถ้าเราทุกคนพยายามฝึกอบรมจิตของตน ให้มีธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ชีวิตความเป็นอยู่ก็จะราบรื่นร่มเย็นเป็นสุข  สังคมและประเทศชาติของเราก็จะสงบร่มเย็น มีสันติสุขและมีความมั่นคงยิ่งขึ้น