วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554

อิทธิพลจากไพ่ยิปซี

สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน....หวังว่าคงสบายดีนะคะ  ช่วงนี้ที่สวิตเซอร์แลนด์อากาศร้อนมาก ๆ เลย ขณะที่นั่งพิมพ์บทความอยู่นี่ เหงื่อไหลเปียกทั้งตัว ทั้ง ๆ ที่เป็นเวลากลางคืนน่ะเนี่ย...แต่ก็ช่างมันเถอะ...ความร้อนก็เป็นเพียงสภาพธรรมะที่ปรากฏให้จิตรู้ เพราะมีเหตุปัจจัยจึงเกิดแล้วก็ดับ...มาสนใจเรื่องที่จะนำมาเล่าสู่กันฟังดีกว่าน่ะ

ฉันเชื่อว่าทุกท่านก็คงจะชอบเรื่อง ดูดวงชะตา ทำนายทายทัก ดูลายมือ ดูไพ่.... ฉันเองก็ชอบดูดวงชะตา แต่ไม่ชอบไปให้คนอื่นดูให้.....เมื่อ ๑๐ กว่าปีมาแล้ว ฉันได้ลองซื้อไพ่ยิปซี่ (Tarot) มาหัดเล่นกันในครอบครัว  จำได้ว่าวันนั้นเป็นวันเริ่มต้นปีใหม่  จึงคิดว่า เราน่าจะหาอะไรใหม่ ๆ มาเรียนบ้าง..ฉันได้ศึกษาวิธีวางไพ่ตามที่คู่มือแนะนำไว้....จากนั้นก็เริ่มวางไพ่ ลองดูดวงประจำวันของแต่ละคนในบ้าน รู้สึกว่าแม่นมาก....บางครั้งเวลามีปัญหาเกี่ยวกับลูก ๆ (ตอนนั้นเขายังเรียนอยู่มัธยม)...ฉันกับสามีก็จะตื่นตอนดึกแอบมาวางไพ่ดูดวงกัน  ไพ่บอกวิธีแก้ปัญหาให้เราด้วย  เราเชื่อไพ่ยิปซีมาก....โดยเฉพาะลูกสาวชอบดูดวงทุกวัน ก่อนออกบ้านเป็นประจำ  ตั้งแต่มีไพ่ยิปซีอยูในบ้าน ฉันรู้สึกว่าตนเองจะฝันอะไรแปลก ๆ พิศดารอยู่บ่อย ๆ เหมือนเป็นเรื่องในอดีตชาติ  พอมาวางไพ่ดูก็จะเป็นเรื่องราวเหมือนในไพ่ชัดเจนมาก....ฉันเกิดความรู้สึกลึก ๆ ว่า "ไพ่ยิปซี" ไม่ใช่ไพ่ธรรมดา ไพ่แต่ละใบมีวิญญาณที่มีอายุแก่มาก ๆ  ซึ่งมีความสามารถแต่ละใบแตกต่างกันไปตามการสะสม


ครั้งหนึ่งลูกสาวได้แสดงละครในโรงเรียน เขาได้รับเลือกเป็นตัวเอกของเรื่อง เธอสามารถแสดงได้ดีมากอย่างไม่น่าเชื่อ  ฉันมาทราบภายหลังว่า มีไพ่ใบหนึ่งที่มีหน้าตาเหมือนลูกสาวฉัน ชุดแต่งกายที่เขาใส่ในวันแสดงละคร ก็เหมือนกับบุคคลในไพ่นั่นทุกอย่าง.....วิญญาณที่สิงอยูในไพ่นั่นเอง ช่วยให้ลูกฉันแสดงละครผ่านไปด้วยดีอย่างน่าทึ่ง


ในที่สุดฉันก็ประสบกับพิษสงของไพ่ยิปซี ...เย็นวันหนึ่งขณะนั่งดูทีวีอยู่กับน้องสาว  ฉันรู้สึกคอแห้งและกระหายน้ำอย่างกระทันหัน จึงสั่งให้น้องสาวเอาน้ำมาให้  ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วฉันจะไม่ออกคำสั่งเช่นนั้น น้องฉันเล่าว่า ตอนที่สั่งให้ไปเอาน้ำ ไม่ใช่ฉันสั่ง เพราะเป็นเสียงผู้ชายที่แก่มาก และพูดแบบดุ ๆ พูดแบบห้วน ๆ ซึ่งไม่ใช่นิสัยของฉัน...ตอนนั้นฉันรู้สึกว่าศีรษะมันกำลังหมุนแบบช้า ๆ แล้วก็ค่อย ๆ หมุนเร็วขึ้น ๆ เหมือนพัดลมที่ติดอยู่บนเพดานยังงั้นแหละ... พอหมุนเสร็จ (ตอนนั้นอยู่ในท่านอน) ฉันก็ลุกขึ้นนั่ง.....จ้องหน้าน้องสาว  (ตอนนั้นรู้สึกครึ่ง ๆ กลาง ๆ ว่าไม่ใช่ตัวเอง) แล้วถามน้องสาวฉันว่า "แก่เป็นใคร" น้องสาวฉันไม่ตอบ แต่ถามกลับไปว่า "แก่เป็นใคร"....น้องสาวฉันเห็นท่าทางผิดปกติ ไม่ดีแน่ จึงรีบไปจุดธูปบอกพระแม่กวนอิมให้ช่วยด้วย...... พอสักครู่หนึ่ง  ฉันก็อาเจียนออกเป็นน้ำ เหมือนน้ำล้างข้าวสาร อาเจียนออกหมดท้อง จนเป็นเมือกขุ่น ๆ ไม่มีเศษอาหารเลย เสียงอาเจียนดังน่ากลัวมาก....สามีรีบโทรเรียกหมอมาด่วน หมอมาดูอาการ ตรวจเช็คความดันโลหิตและตรวจหัวใจก็ปกติดีทุกอย่าง... หมอก็งง ๆ  เพราะฉันหายเป็นปลิดทิ้ง



หลังจากเหตุการณ์ตื่นเต้นผ่านไปแล้ว....คืนวันนั้นรู้สึกกลัวมาก ๆ กลัวว่าจะเจอเหตุการณ์เช่นนี้อีก  น้องสาวฉันจึงได้เอาไพ่ยิปซีไปเผสไฟที่นอกบ้าน.....แปลกมาก ๆ มีไพ่ใบหนึ่งที่ไม่ยอมไหม้  มันเป็นใบที่มีรูปผู้หญิงสาวที่มีหน้าตาเหมือนกับลูกสาวฉัน  เป็นเหตุให้ลูกสาวฉันกลัว จนไม่กล้านอนคนเดียว  เป็นอันว่า....คืนนั้นเราก็นอนเตียงเดียว ๓ คน ฉันเองก็เกิดความกลัวไม่น้อยกว่าลูก ไม่กล้าที่จะนอนด้านริม ลูกก็จะนอนกลางเช่นกัน  ฉันก็เลยมีอุบายว่า... ผีมันชอบมาหาคนอยู่กลาง....ในที่สุดเป็นจริง ฉันเจออีกรอบจนได้  ตอนดึกพอคนหลับสนิท ฉันได้ยินคนเดินเข้ามาในห้องนอน มาหยุดอยู่ที่ข้างลูกสาว...แล้วเอามือมาแกะมือฉันที่กอดลูกสาวไว้  ฉันตกใจเลยร้องสุดเสียงจนสามีสะดุ้งตื่น.... ทุกคนในบ้านเลยตื่นกันหมด...ไม่ต้องนอนกัน มาอยู่รวมกันในห้องนอน ได้แต่คิดหาวิธีต่าง ๆ นานาว่าจะจัดการกับไพ่ใบสุดท้ายนี้ได้อย่างไร....สามีบอกว่าให้เอาไปทิ้งในแม่น้ำ 


วันรุ่งขึ้นตอนสาย ๆ  เราได้นำไพ่ใบสุดท้าย ที่ไม่ยอมไหม้ไฟไปทิ้งลงแม่น้ำ....ไพ่ใบนี้ยังไม่หมดฤทธิ์ดูเหมือนว่า  เขาจะบอกให้พวกเรารู้ว่า...เขายังโกรธพวกเราอยู่  ไพ่ลอยอยู่บนผิวน้ำ ไม่ยอมไหลตามกระแสน้ำ มันหมุนเป็นวงกลม...ในที่สุดวิญญาณนี้มันไม่ไปจากพวกเรา  มันแอบมาอยู่ที่ลูกสาว....กว่าฉันจะรู้เรื่องนี้ ต้องใช้เวลาถึงสองปี....ฉันได้ฝึกสมาธิ จนจิตมีพลังสามารถสื่อพูดคุยกับวิญญาณได้ จึงได้รู้ว่า ที่นิสัยของลูกเปลี่ยนไป เพราะอิทธิพลของวิญญาณที่มาจากไพ่ยิปซีนี่เอง จึงได้พูดกับวิญญาณดี ๆ เขาก็ดีกับเราได้ เขาคอยติดตาม คุ้มครองลูกสาวฉันมาตลอด  ตอนหลังฉันบอกเขาว่าให้ไปอยู่ที่วัดไทย เขาจะได้สร้างบารมีมากกว่าอยู่กับพวกเรา เพราะเขาเป็นวิญญาณที่แก่กล้ามาก เขาก็ตกลงไปอยู่ที่วัดจนกระทั่งทุกวันนี้...เรื่องนี้ก็เป็นผลแห่งกรรมของฉันกระทำเอง และก็ได้เสวยไปเรียบร้อยแล้วจ๊ะ

วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ท้าทายเทวดา

สวัสดีค่ะทุกท่าน ช่วงนี้อากาศทั่วโลกเปลี่ยนแปลง ฝนตกหนักพายุแรง หวังว่าทุกท่านคงมีสุขภาพแข็งแรงดีอยู่นะคะ บางประเทศเวลานี้เจอปัญหาเกี่ยวกับมรสุม น้ำท่วมบ้านเรือนและถนนหนทางจมน้ำ ได้รับความเดือดร้อนเสียหายมากมาย นี่ก็ทำให้เราได้เห็นความไม่เที่ยง เป็นทุกข์  เป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ เพราะไม่ใช่ตัวตนสัตว์บุคคล เป็นเพียงสภาวะธรรมที่ปรากฏเพราะมีเหตุปัจจัยจึงเกิด  ถ้าจิตของเราได้รับการอบรมฟังธรรมและประพฤติปฏิบัติธรรมอยู่เนื่อง ๆ จนเป็นอุปนิสัย  จิตก็จะไม่หวั่นไหวหรือไหลไปตามกระแสโลก "ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้เป็นธรรมะ" พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสไว้เช่นนั้น ถ้าเราเข้าใจตามความจริง เราก็จะไม่ทุกข์กับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่กำลังประสบอยู่ขณะนั้น

วันนี้ฉันตั้งชื่อเรื่องหน้ากลัวหน่อยนะ  ท่านผู้อ่านอาจจะคิดว่าฉันเก่งขนาดไหนน่ะ ถึงได้กลัาท้าทายเทวดา ไม่ได้เก่งอะไรหรอกจ๊ะ คือว่าเดือดร้อนต่างหากล่ะ ถึงต้องท้าเทวดา ตอนเวลาไม่เดือดร้อนฉันก็พูดคุยกับเทวดาได้ตามปกติ ท่านก็คุยเหมือนเป็นญาติเป็นมิตร เหมือนกับมนุษย์เรานี่แหละ แต่ท่านมีศีลและมีสัจจะกว่ามนุษย์ พูดคำไหนก็เป็นคำนั้น คือตรงแท้ แต่ถ้าเป็นพวกผีเร่ร่อนก็ไม่แน่นะ มันหลอกกินหลอกใช้หรือหลอกให้กลัวก็ได้ มันจะไม่มีคุณธรรม ไม่รู้จักธรรมะและยังไม่มีสัมมาคาระ พูดจาไม่สุภาพ โดนซักถามมาก ๆ ก็จะโกรธ นี่เข้าลักษณะคนพาล ถามดี ๆ ก็โกรธ

เรื่องที่จะเล่านี้ก็เป็นผลแห่งกรรมอย่างหนึ่ง ซึ่งเกิดกับตนเอง  มีอยู่วันหนึ่งฉันและน้องสาวได้เดินทางไปเยี่ยมลูกสาวซึ่งอยู่อีกเมืองหนึ่ง นั่งรถไฟประมาณครึ่งชั่วโมง ที่จริงไปกลับได้ในวันเดียวกัน แต่ฉันก็ไม่อยากกลับ  เพราะว่าไม่ค่อยได้พบลูกสาวบ่อยนัก เขาเรียนและทำงานด้วย จึงไม่ค่อยมีเวลาว่างนัก เราก็ได้ค้างคืนที่บ้านของลูกสาว ๑ คืน ปรากฏว่านอนไม่หลับทั้งคืน เพราะช่วงนั้นอากาศร้อนจัด เราก็มีวิธีแก้โรคนอนไม่หลับ ด้วยยานอนหลับขนานวิเศษ คือ "ฟังธรรมะ" นอนฟังธรรมะไปเรื่อย ๆ  ฉันชอบอัดบันทึกธรรมะบรรยายใส่โทรศัพท์มือถือไว้ฟัง เพราะว่ามันสะดวกในการใช้  ทีนี้เราก็ฟังธรรมกันจนกระทั่งหลับหนีธรรมะเมื่อไหร่ไม่ทราบ  แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงเลย เพิ่งมาทราบว่าไม่สามารถใช้โทรได้ ก็ตอนขึ้นรถจะกลับบ้าน

ธาตุกายสิทธิ์ปู่ฤาษี ๑๐๘
วันนั้นเป็นวันอาทิตย์รถบัสที่จะนั่งไปบ้านไม่ค่อยมี นาน ๆ จะออกสักคัน ครั้นจะโทรบอกสามีมารับ ก็โทรไม่ได้  รู้สึกใช้ความคิดหนักเลย จะทำไงดีถึงจะได้กลับบ้าน จะขอยืมมือถือจากคนแปลกหน้า ก็คงไม่สมควรแน่นอน  น้องสาวฉันเกิดความคิดตลกขึ้นมา  บอกฉันขอให้เทวดาช่วยหน่อยซิ  ฉันก็ไม่รีรอชักช้า เลยพูดขึ้นว่า "ถ้าเทวดาเก่งจริงก็ขอให้แสดงปาฏิหาริย์ให้พวกเราเห็นด้วยเถิด ถ้าส่งคนมาช่วย นำส่งพวกเรากลับบ้านได้ หรือว่ามีคนให้เรายืมมือถือโทรได้  พวกเราจะทึ่งมาก ๆ เลย"  พอพูดจบเราก็นั่งลงที่ม้านั่งสำหรับรอรถบัส  ทันใดนั้นได้มีผู้หญิงชาวสวิสคนหนึ่ง อายุประมาณ ๔๐ ปีเศษ ๆ เดินยิ้มอย่างเป็นมิตร ตรงเข้ามายังที่ที่เรานั่งอยู่ เขาทักทายน้องสาวฉันก่อนและแนะนำตัวเองว่า เขาเคยรู้จักน้องฉัน เมื่อปี ค.ศ.๒๐๐๒ เขาได้ไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลเดียวกันกับที่น้องสาวฉัน ปีนั้นน้องฉันกได้ไปผ่าตัดเหมือนกัน ได้นอนห้องเดียวกัน

ฉันก็ได้โอกาสจึงขอยืมโทรศัพท์มือถือของเขา  นึกไม่ถึงเลยว่าเทวดาท่านจะแสดงอิทธิฤทธิ์ให้เห็นอย่างรวดเร็วเช่นนี้  ก่อนอื่นฉันก็ได้ขอบคุณเทวดาก่อน ที่ท่านช่วยให้ฉันติดต่อกับสามีได้ เพื่อที่จะให้เขามารับเรากลับบ้าน โดยไม่ต้องนั่งรอรถบัสนานเป็นชั่วโมง ฉันได้กำหนดจิตถามดูว่า ใครช่วยพวกเราในครั้งนี้ ได้ทราบว่าปู่ฤาษี ๑๐๘ ท่านเมตตาช่วยเรา ทั้ง ๆ ที่เราก็ลองท้าทายท่าน พูดเล่น ๆ แต่ก็เป็นจริงได้  ท่านเมตตามนุษย์เสมอ เวลาเดือดร้อนหรือเจ็บป่วย  ขอให้ท่านช่วยรักษาบรรเทาทุกข์ให้ ด้วยการเสกน้ำมนต์ให้ดื่ม ท่านก็รักษาให้เป็นประจำทั้งครอบครัว บางครั้งก็ท้าให้ไปให้หมอตรวจเช็กดู ให้แน่ใจอีกที ท่านจะเตือนเสมอว่า อย่าเชื่อแบบงมง่าย ต้องศึกษาธรรมะ เพื่อที่จะได้มีธรรมะเป็นที่พึ่งที่มั่นคง
เทวดาจะช่วยก็ในกรณีฉุกเฉินและจำเป็นมาก ๆ ไม่ใช่เอะอะอะไรก็เรียกเทวดา รบกวนเทวดาบ่อย ๆ นั่นก็จะเป็นการเชื่อแบบงมงายได้

เรื่องที่ต้องท้าทายเทวดานี้ ก็มีเหตุปัจจัยมาจากความไม่มี "สติ" ฟังธรรมจนหลับหนีธรรม ผลแห่งกรรมก็คือเดือดร้อนไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับคนทางบ้านได้ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ก็เป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้ทราบว่า ความประมาทหรือความไม่มีสติคุ้มครองกายใจ ก็จะต้องประสบกับความเดือดร้อนกายใจได้  สำหรับเรื่องนี้ก็ขอยุติลงแค่นี้ ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ท่านผู้อ่านทุกท่านเทอญ