วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ท้าทายเทวดา

สวัสดีค่ะทุกท่าน ช่วงนี้อากาศทั่วโลกเปลี่ยนแปลง ฝนตกหนักพายุแรง หวังว่าทุกท่านคงมีสุขภาพแข็งแรงดีอยู่นะคะ บางประเทศเวลานี้เจอปัญหาเกี่ยวกับมรสุม น้ำท่วมบ้านเรือนและถนนหนทางจมน้ำ ได้รับความเดือดร้อนเสียหายมากมาย นี่ก็ทำให้เราได้เห็นความไม่เที่ยง เป็นทุกข์  เป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ เพราะไม่ใช่ตัวตนสัตว์บุคคล เป็นเพียงสภาวะธรรมที่ปรากฏเพราะมีเหตุปัจจัยจึงเกิด  ถ้าจิตของเราได้รับการอบรมฟังธรรมและประพฤติปฏิบัติธรรมอยู่เนื่อง ๆ จนเป็นอุปนิสัย  จิตก็จะไม่หวั่นไหวหรือไหลไปตามกระแสโลก "ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้เป็นธรรมะ" พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสไว้เช่นนั้น ถ้าเราเข้าใจตามความจริง เราก็จะไม่ทุกข์กับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่กำลังประสบอยู่ขณะนั้น

วันนี้ฉันตั้งชื่อเรื่องหน้ากลัวหน่อยนะ  ท่านผู้อ่านอาจจะคิดว่าฉันเก่งขนาดไหนน่ะ ถึงได้กลัาท้าทายเทวดา ไม่ได้เก่งอะไรหรอกจ๊ะ คือว่าเดือดร้อนต่างหากล่ะ ถึงต้องท้าเทวดา ตอนเวลาไม่เดือดร้อนฉันก็พูดคุยกับเทวดาได้ตามปกติ ท่านก็คุยเหมือนเป็นญาติเป็นมิตร เหมือนกับมนุษย์เรานี่แหละ แต่ท่านมีศีลและมีสัจจะกว่ามนุษย์ พูดคำไหนก็เป็นคำนั้น คือตรงแท้ แต่ถ้าเป็นพวกผีเร่ร่อนก็ไม่แน่นะ มันหลอกกินหลอกใช้หรือหลอกให้กลัวก็ได้ มันจะไม่มีคุณธรรม ไม่รู้จักธรรมะและยังไม่มีสัมมาคาระ พูดจาไม่สุภาพ โดนซักถามมาก ๆ ก็จะโกรธ นี่เข้าลักษณะคนพาล ถามดี ๆ ก็โกรธ

เรื่องที่จะเล่านี้ก็เป็นผลแห่งกรรมอย่างหนึ่ง ซึ่งเกิดกับตนเอง  มีอยู่วันหนึ่งฉันและน้องสาวได้เดินทางไปเยี่ยมลูกสาวซึ่งอยู่อีกเมืองหนึ่ง นั่งรถไฟประมาณครึ่งชั่วโมง ที่จริงไปกลับได้ในวันเดียวกัน แต่ฉันก็ไม่อยากกลับ  เพราะว่าไม่ค่อยได้พบลูกสาวบ่อยนัก เขาเรียนและทำงานด้วย จึงไม่ค่อยมีเวลาว่างนัก เราก็ได้ค้างคืนที่บ้านของลูกสาว ๑ คืน ปรากฏว่านอนไม่หลับทั้งคืน เพราะช่วงนั้นอากาศร้อนจัด เราก็มีวิธีแก้โรคนอนไม่หลับ ด้วยยานอนหลับขนานวิเศษ คือ "ฟังธรรมะ" นอนฟังธรรมะไปเรื่อย ๆ  ฉันชอบอัดบันทึกธรรมะบรรยายใส่โทรศัพท์มือถือไว้ฟัง เพราะว่ามันสะดวกในการใช้  ทีนี้เราก็ฟังธรรมกันจนกระทั่งหลับหนีธรรมะเมื่อไหร่ไม่ทราบ  แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงเลย เพิ่งมาทราบว่าไม่สามารถใช้โทรได้ ก็ตอนขึ้นรถจะกลับบ้าน

ธาตุกายสิทธิ์ปู่ฤาษี ๑๐๘
วันนั้นเป็นวันอาทิตย์รถบัสที่จะนั่งไปบ้านไม่ค่อยมี นาน ๆ จะออกสักคัน ครั้นจะโทรบอกสามีมารับ ก็โทรไม่ได้  รู้สึกใช้ความคิดหนักเลย จะทำไงดีถึงจะได้กลับบ้าน จะขอยืมมือถือจากคนแปลกหน้า ก็คงไม่สมควรแน่นอน  น้องสาวฉันเกิดความคิดตลกขึ้นมา  บอกฉันขอให้เทวดาช่วยหน่อยซิ  ฉันก็ไม่รีรอชักช้า เลยพูดขึ้นว่า "ถ้าเทวดาเก่งจริงก็ขอให้แสดงปาฏิหาริย์ให้พวกเราเห็นด้วยเถิด ถ้าส่งคนมาช่วย นำส่งพวกเรากลับบ้านได้ หรือว่ามีคนให้เรายืมมือถือโทรได้  พวกเราจะทึ่งมาก ๆ เลย"  พอพูดจบเราก็นั่งลงที่ม้านั่งสำหรับรอรถบัส  ทันใดนั้นได้มีผู้หญิงชาวสวิสคนหนึ่ง อายุประมาณ ๔๐ ปีเศษ ๆ เดินยิ้มอย่างเป็นมิตร ตรงเข้ามายังที่ที่เรานั่งอยู่ เขาทักทายน้องสาวฉันก่อนและแนะนำตัวเองว่า เขาเคยรู้จักน้องฉัน เมื่อปี ค.ศ.๒๐๐๒ เขาได้ไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลเดียวกันกับที่น้องสาวฉัน ปีนั้นน้องฉันกได้ไปผ่าตัดเหมือนกัน ได้นอนห้องเดียวกัน

ฉันก็ได้โอกาสจึงขอยืมโทรศัพท์มือถือของเขา  นึกไม่ถึงเลยว่าเทวดาท่านจะแสดงอิทธิฤทธิ์ให้เห็นอย่างรวดเร็วเช่นนี้  ก่อนอื่นฉันก็ได้ขอบคุณเทวดาก่อน ที่ท่านช่วยให้ฉันติดต่อกับสามีได้ เพื่อที่จะให้เขามารับเรากลับบ้าน โดยไม่ต้องนั่งรอรถบัสนานเป็นชั่วโมง ฉันได้กำหนดจิตถามดูว่า ใครช่วยพวกเราในครั้งนี้ ได้ทราบว่าปู่ฤาษี ๑๐๘ ท่านเมตตาช่วยเรา ทั้ง ๆ ที่เราก็ลองท้าทายท่าน พูดเล่น ๆ แต่ก็เป็นจริงได้  ท่านเมตตามนุษย์เสมอ เวลาเดือดร้อนหรือเจ็บป่วย  ขอให้ท่านช่วยรักษาบรรเทาทุกข์ให้ ด้วยการเสกน้ำมนต์ให้ดื่ม ท่านก็รักษาให้เป็นประจำทั้งครอบครัว บางครั้งก็ท้าให้ไปให้หมอตรวจเช็กดู ให้แน่ใจอีกที ท่านจะเตือนเสมอว่า อย่าเชื่อแบบงมง่าย ต้องศึกษาธรรมะ เพื่อที่จะได้มีธรรมะเป็นที่พึ่งที่มั่นคง
เทวดาจะช่วยก็ในกรณีฉุกเฉินและจำเป็นมาก ๆ ไม่ใช่เอะอะอะไรก็เรียกเทวดา รบกวนเทวดาบ่อย ๆ นั่นก็จะเป็นการเชื่อแบบงมงายได้

เรื่องที่ต้องท้าทายเทวดานี้ ก็มีเหตุปัจจัยมาจากความไม่มี "สติ" ฟังธรรมจนหลับหนีธรรม ผลแห่งกรรมก็คือเดือดร้อนไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับคนทางบ้านได้ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ก็เป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้ทราบว่า ความประมาทหรือความไม่มีสติคุ้มครองกายใจ ก็จะต้องประสบกับความเดือดร้อนกายใจได้  สำหรับเรื่องนี้ก็ขอยุติลงแค่นี้ ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ท่านผู้อ่านทุกท่านเทอญ