วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เสวยอกุศลวิบาก

สวัสดีค่ะท่านผู้อ่าน...วันนี้ฉันเริ่มเปิดบล็อกใหม่อีก เหตุผลคือต้องการเขียนบทความไว้เป็นที่ระลึก ครบรอบการรอดชีวิต จากการเสวยอกุศลวิบาก  เมื่อปีที่ผ่านมานี้  ตรงกับวันที่ ๑๑ กรกฏาคม ๒๕๕๓ ฉันได้ทุกข์ทรมานกับการปวดท้องอย่างหนักมาก  คิดว่าคงไม่รอดแน่  เนื่องจากเป็นนิ่วในถุงน้ำดีอักเสบ มีอาการอืดท้องแน่ท้อง และปวดท้อง ปวดขึ้นไปที่ลิ้นปี่ เสียดไปที่ชายโครงข้างขวาและปวดเสียดไปที่หลังด้วย ชอบมีอาการปวดหลังรับประทานอาหารมัน ปวดอยู่หลายชั่วโมง โดยเฉพาะชอบปวดตอนสี่ทุ่มไปจนถึงตีสอง  ต้องเข้าโรงพยาบาลฉุกเฺฉินบ่อยมาก รวมฉุกเฉินประมาณ ๖ ครั้ง จึงได้รับการผ่าตัด กว่าจะได้ผ่าตัดก็ยุ่งยากเหลือเกิน  เพราะต้องรอหมอผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่านิ่วในถุงน้ำดี โดยใช้กล้องส่องผ่านหน้าท้อง (Laparoscopie Chalecystectomy) หมอไปพักผ่อนต่างประเทศสองสัปดาห์ ฉันก็ต้องทนปวดท้องยืดยาวไปอีกตั้งสองสัปดาห์  จึงจะได้รับการผ่าตัด  มันเป็นการผ่าตัดครั้งแรกในชีวิตของฉัน ก็รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกัน เพราะไม่ทราบว่า  จะเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง หลังจากผ่าตัดแล้ว  ฉันเป็นคนมีโรคประจำตัวที่แย่อยู่แล้ว คือโรค SLE  จึงกลัวว่าโรคประจำตัวมันจะทำเรื่องซ้ำเติมอีก  จึงต้องมีการปรึกษากับหมอหลายฝ่ายจนแน่ใจก่อนที่จะมีการผ่าตัดผ่าตัด  

ผลการผ่าตัดผ่านไปด้วยดี  พอวันรุ่งขึ้น  หมอมาเยี่ยมและเช็คดูแผลผ่าตัด  จากนั้นหมอก็ไล่กลับบ้านเลย  แหม...ดีใจที่สุดเลย ที่หมอไม่กักตัวไว โรงพยาบาลที่สวิตเซอร์แลนด์ใหญ่โตทันสมัย สะอาดและดูแลคนไข้ดีมาก  แต่คนไข้ไม่ค่อยมี  เงียบสงบดีแต่กลางคืนก็น่ากลัวนะ  กลัวว่าจะเจอแขกไม่ได้รับเชิญเข้ามาเยี่ยม  เพราะนอนคนเดียว  ห้องหนึ่งมีแค่ ๒ เตียง แต่ก็อยู่คนเดียวทุกทีที่ไปฉุกเฉิน อาหารก็ดีอยู่หรอกสำหรับพวกเขา แต่สำหรับคนไทยก็บอกตรง ๆ ว่าขืนอยู่นาน ๆ  คงได้โรคกระเพาะอีกโรคหนึ่งแน่ ๆ เลย เพราะรู้สึกว่ากินไม่ค่อยอิ่มท้อง

การผ่าตัดแบบใช้กล้องส่องผ่านทางหน้าท้อง   เป็นวิธีที่ทันสมัย  แต่ว่าค่าใช้จ่ายสูงกว่าการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง  แผลไม่กว้างมาก แค่อย่างมาก ๑ เซ็นติเมตร เจาะ ๔ แห่ง หลังผ่าตัดเพียงสัปดาห์เดียวก็เดินทางไปไหนไกล ๆ ได้โดยไม่มีปัญหา เรื่องอาหารการกิน ก็กินตามปกติ แต่ของหวานจัดมันจัดต้องลดลงอย่างมาก บางครั้งก็ต้องยอมอดเพื่อสุขภาพ เมื่อก่อนแกงกะทิไม่มันไม่อร่อย  ต้องมันจัด ๆ ถึงจะกิน ชอบทำขนมหวานด้วยกะทิและต้องหวานมันถึงที่ด้วยนะ  ถึงจะอร่อย  เดี๋ยวนี้เลิกคบหัวกะทิเด็ดขาด แต่ก็ยังตัดกันไม่ขาด หันมาคบหางกะทิแทน ก็ชินไปเอง  ส่วนแกงกะทิก็จะเปลี่ยนเป็นแกงน้ำมันพืชแทน แกงคั่วแห้ง  ของหวานก็ทำแบบหวานอ่อน ๆ ก็อร่อยได้เหมือนกัน  

               หลังจากผ่าตัดมาได้ ๓ สัปดาป์ นึกไม่ถึงว่าจะเจอนิ่วเล่่นงานรอบสองอีก  แบบนี้ก็มีด้วย ถุงน้ำดีถูกตัดออกไปแล้ว  แต่ทำไมอยู่ดี ๆ มันปวดท้องอาเจียน  อาการเหมือนกับที่เคยเป็นทุกอย่างเลย ปวดทั้งวันไม่มีเบรกเลย  ในที่สุดต้องเข้าโรงพยาบาลฉุกเฉินอีก  ต้องไปนอนคนเดียว แถมเจอห้องเดิมอีก  งวดนี้ดูท่าเจ้ากรรมนายเวรแกเอาจริงแฮะ  ไปนอนค้างคืนหนึ่งคืนเพื่อรอเช็ค  เพราะเป็นวันเสาร์ไม่มีหมอใหญ่ตรวจ น้องสาวนอนอยู่ที่บ้าน  เขาฝันเห็นฉันเดินกลับบ้านแต่ไม่มีหัว ส่วนฉันเองนอนอยู่ที่โรงพยาบาล  ก็มีเสียงคนปลุก  สั่งให้ลุกขึ้นสวดมนต์ บอกว่า "ดวงขาด ให้สวดพระธรรมจักรกัปปวัตนสูตรและอนัตตลักขณสูตร"  ฉันก็ลุกขึ้นมานั่งสวด  รู้สึกไม่ค่อยมีแรงจะลุกนั่ง เพราะโดนมอร์ฝีนไปเยอะมาก แก้ปวด เวลาพยาบาลฉีดมอร์ฝีนให้  เขาจะถามว่ามีความปวดขนาดไหน เขาจะบอกความปวด ค่าเป็นตัวเลข ๑-๑๐ ฉันก็จะบอกว่า ราว ๆ ๘-๙  เพราะมันปวดมากจริงๆ  บางครั้งฉีดแล้วยังปวดอยู่  เขาก็ต้องเพิ่มให้อีก 

ในที่สุดฉันก็ต้องโดนผ่าตัดอีกครั้ง  คราวนี้ใช้กล้องส่องเข้าทางปาก เพราะนิ่วแกหลุดจากถุงน้ำดีก่อนการผ่าตัดครั้งแรก ไปค้างอยู่ที่ท่อน้ำดี  เพิ่งจะมีอาการปวดอย่างกระทันหัน  การผ่าตัดแต่ละครั้งก็โชคดี ได้หมอที่เชี่ยวชาญผ่าตัดให้ อาศัยเส้นอาศัยบารมีเพื่อนของสามี  เขามีเพื่อนที่รู้จักหมอเก่ง ๆ ที่โรงพยาบาล  ก็เลยเลือกหมอได้ตามต้องการ  และนอกจากนั้นก็ยังได้รับกำลังใจจากสามี ลูก ๆ ญาติพี่น้องและเพื่อน ช่วยส่งพลังจิตไปช่วย คุณแม่และน้อง ๆ ที่เมืองไทยก็ช่วยกันทำบุญ  และปล่อยชีวิตสัตว์ให้เป็นระยะ ๆ  เป็นการไถ่บาปที่เคยฆ่าและเบียดเบียนเขา จึงได้มีวิบากกรรมหนักเช่นนี้ 

การผ่าครั้งหลังนี้สุดแสนจะทรมาน ปวดมาก ๆ เพราะไม่ได้วางยาสลบแบบหมดตัว ต้องร้องครวญครางจนหมอตกใจ  ถึงกับหยุดพักการทำงาน  แล้วก็ฉีดยาแก้ปวดให้อีก แต่ก็ไม่ช่วยอะไร ทั้ง ๆ ที่ปวด  แต่ฉันก็ลืมตาดูจอคอมพิวเตอร์ตลอดเวลาที่หมอทำงาน หลังผ่าตัดแล้วเสียเลือดมาก ถ่ายเป็นเลือดตลอดเวลาอยู่สามวัน  ต้องไปโรงพยาบาลฉุกเฉินอีกครั้ง และต้องไปส่องลำไส้อีกครั้ง โอ้ย...ยุ่งไปหมด  ขณะที่ส่องลำไส้เลือดไหลตลอดเวลา ท้องแข็งเพราะลมเต็มท้อง พอหมอเอากล้องออกจากท้อง ลมระเบิด (ผายลม) เสียงดังสนั่นห้องพร้อมกับเลือดกระเด็นถูกพยาบาลเปียกตาม ๆ กัน พื้นห้องเปียกนองไปด้วยเลือด หมอตกใจ  รีบหนีออกไปยืนสั่นอยู่นอกห้อง  หมอคงไม่เคยเจอ  เหตุการณ์ตื่นเต้นมากเช่นนี้มาก่อน ถึงได้รีบเผ่น  สักครู่หมอจึงกลับเข้าห้องไปหาฉัน  แล้วบอกว่า ผลการส่องสำไส้พบว่าที่เลือดออกไม่หยุด  เพราะว่าแผลที่ถูกตัดเอานิ่วออกยังไม่ปิด  ต้องรอสักระยะหนึ่ง มันจะหายเอง

เรื่องเกี่ยวกับ  การเสวยอกุศลวิบากของฉันก็จบลงเพียงแค่นี้  ท่านที่ชอบรับประทานของหวานจัดมันจัด โปรดระวังนะคะ จะเจอ"นิ่วในถุงน้ำดี" เล่นงานอย่างฉัน  ทางที่ดีอย่าเจอแกเลยนะ  เลิกลาความหวานความมันได้ก็สบายตัวและไม่มีแผลเป็นที่หน้าท้องด้วยจ๊ะ