สวัสดีค่ะท่านผู้อ่าน...วันนี้ฉันเริ่มเปิดบล็อกใหม่อีก เหตุผลคือต้องการเขียนบทความไว้เป็นที่ระลึก ครบรอบการรอดชีวิต จากการเสวยอกุศลวิบาก เมื่อปีที่ผ่านมานี้ ตรงกับวันที่ ๑๑ กรกฏาคม ๒๕๕๓ ฉันได้ทุกข์ทรมานกับการปวดท้องอย่างหนักมาก คิดว่าคงไม่รอดแน่ เนื่องจากเป็นนิ่วในถุงน้ำดีอักเสบ มีอาการอืดท้องแน่ท้อง และปวดท้อง ปวดขึ้นไปที่ลิ้นปี่ เสียดไปที่ชายโครงข้างขวาและปวดเสียดไปที่หลังด้วย ชอบมีอาการปวดหลังรับประทานอาหารมัน ปวดอยู่หลายชั่วโมง โดยเฉพาะชอบปวดตอนสี่ทุ่มไปจนถึงตีสอง ต้องเข้าโรงพยาบาลฉุกเฺฉินบ่อยมาก รวมฉุกเฉินประมาณ ๖ ครั้ง จึงได้รับการผ่าตัด กว่าจะได้ผ่าตัดก็ยุ่งยากเหลือเกิน เพราะต้องรอหมอผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่านิ่วในถุงน้ำดี โดยใช้กล้องส่องผ่านหน้าท้อง (Laparoscopie Chalecystectomy) หมอไปพักผ่อนต่างประเทศสองสัปดาห์ ฉันก็ต้องทนปวดท้องยืดยาวไปอีกตั้งสองสัปดาห์ จึงจะได้รับการผ่าตัด มันเป็นการผ่าตัดครั้งแรกในชีวิตของฉัน ก็รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกัน เพราะไม่ทราบว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง หลังจากผ่าตัดแล้ว ฉันเป็นคนมีโรคประจำตัวที่แย่อยู่แล้ว คือโรค SLE จึงกลัวว่าโรคประจำตัวมันจะทำเรื่องซ้ำเติมอีก จึงต้องมีการปรึกษากับหมอหลายฝ่ายจนแน่ใจก่อนที่จะมีการผ่าตัดผ่าตัด
ผลการผ่าตัดผ่านไปด้วยดี พอวันรุ่งขึ้น หมอมาเยี่ยมและเช็คดูแผลผ่าตัด จากนั้นหมอก็ไล่กลับบ้านเลย แหม...ดีใจที่สุดเลย ที่หมอไม่กักตัวไว โรงพยาบาลที่สวิตเซอร์แลนด์ใหญ่โตทันสมัย สะอาดและดูแลคนไข้ดีมาก แต่คนไข้ไม่ค่อยมี เงียบสงบดีแต่กลางคืนก็น่ากลัวนะ กลัวว่าจะเจอแขกไม่ได้รับเชิญเข้ามาเยี่ยม เพราะนอนคนเดียว ห้องหนึ่งมีแค่ ๒ เตียง แต่ก็อยู่คนเดียวทุกทีที่ไปฉุกเฉิน อาหารก็ดีอยู่หรอกสำหรับพวกเขา แต่สำหรับคนไทยก็บอกตรง ๆ ว่าขืนอยู่นาน ๆ คงได้โรคกระเพาะอีกโรคหนึ่งแน่ ๆ เลย เพราะรู้สึกว่ากินไม่ค่อยอิ่มท้อง
การผ่าตัดแบบใช้กล้องส่องผ่านทางหน้าท้อง เป็นวิธีที่ทันสมัย แต่ว่าค่าใช้จ่ายสูงกว่าการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง แผลไม่กว้างมาก แค่อย่างมาก ๑ เซ็นติเมตร เจาะ ๔ แห่ง หลังผ่าตัดเพียงสัปดาห์เดียวก็เดินทางไปไหนไกล ๆ ได้โดยไม่มีปัญหา เรื่องอาหารการกิน ก็กินตามปกติ แต่ของหวานจัดมันจัดต้องลดลงอย่างมาก บางครั้งก็ต้องยอมอดเพื่อสุขภาพ เมื่อก่อนแกงกะทิไม่มันไม่อร่อย ต้องมันจัด ๆ ถึงจะกิน ชอบทำขนมหวานด้วยกะทิและต้องหวานมันถึงที่ด้วยนะ ถึงจะอร่อย เดี๋ยวนี้เลิกคบหัวกะทิเด็ดขาด แต่ก็ยังตัดกันไม่ขาด หันมาคบหางกะทิแทน ก็ชินไปเอง ส่วนแกงกะทิก็จะเปลี่ยนเป็นแกงน้ำมันพืชแทน แกงคั่วแห้ง ของหวานก็ทำแบบหวานอ่อน ๆ ก็อร่อยได้เหมือนกัน
หลังจากผ่าตัดมาได้ ๓ สัปดาป์ นึกไม่ถึงว่าจะเจอนิ่วเล่่นงานรอบสองอีก แบบนี้ก็มีด้วย ถุงน้ำดีถูกตัดออกไปแล้ว แต่ทำไมอยู่ดี ๆ มันปวดท้องอาเจียน อาการเหมือนกับที่เคยเป็นทุกอย่างเลย ปวดทั้งวันไม่มีเบรกเลย ในที่สุดต้องเข้าโรงพยาบาลฉุกเฉินอีก ต้องไปนอนคนเดียว แถมเจอห้องเดิมอีก งวดนี้ดูท่าเจ้ากรรมนายเวรแกเอาจริงแฮะ ไปนอนค้างคืนหนึ่งคืนเพื่อรอเช็ค เพราะเป็นวันเสาร์ไม่มีหมอใหญ่ตรวจ น้องสาวนอนอยู่ที่บ้าน เขาฝันเห็นฉันเดินกลับบ้านแต่ไม่มีหัว ส่วนฉันเองนอนอยู่ที่โรงพยาบาล ก็มีเสียงคนปลุก สั่งให้ลุกขึ้นสวดมนต์ บอกว่า "ดวงขาด ให้สวดพระธรรมจักรกัปปวัตนสูตรและอนัตตลักขณสูตร" ฉันก็ลุกขึ้นมานั่งสวด รู้สึกไม่ค่อยมีแรงจะลุกนั่ง เพราะโดนมอร์ฝีนไปเยอะมาก แก้ปวด เวลาพยาบาลฉีดมอร์ฝีนให้ เขาจะถามว่ามีความปวดขนาดไหน เขาจะบอกความปวด ค่าเป็นตัวเลข ๑-๑๐ ฉันก็จะบอกว่า ราว ๆ ๘-๙ เพราะมันปวดมากจริงๆ บางครั้งฉีดแล้วยังปวดอยู่ เขาก็ต้องเพิ่มให้อีก
ในที่สุดฉันก็ต้องโดนผ่าตัดอีกครั้ง คราวนี้ใช้กล้องส่องเข้าทางปาก เพราะนิ่วแกหลุดจากถุงน้ำดีก่อนการผ่าตัดครั้งแรก ไปค้างอยู่ที่ท่อน้ำดี เพิ่งจะมีอาการปวดอย่างกระทันหัน การผ่าตัดแต่ละครั้งก็โชคดี ได้หมอที่เชี่ยวชาญผ่าตัดให้ อาศัยเส้นอาศัยบารมีเพื่อนของสามี เขามีเพื่อนที่รู้จักหมอเก่ง ๆ ที่โรงพยาบาล ก็เลยเลือกหมอได้ตามต้องการ และนอกจากนั้นก็ยังได้รับกำลังใจจากสามี ลูก ๆ ญาติพี่น้องและเพื่อน ช่วยส่งพลังจิตไปช่วย คุณแม่และน้อง ๆ ที่เมืองไทยก็ช่วยกันทำบุญ และปล่อยชีวิตสัตว์ให้เป็นระยะ ๆ เป็นการไถ่บาปที่เคยฆ่าและเบียดเบียนเขา จึงได้มีวิบากกรรมหนักเช่นนี้
การผ่าครั้งหลังนี้สุดแสนจะทรมาน ปวดมาก ๆ เพราะไม่ได้วางยาสลบแบบหมดตัว ต้องร้องครวญครางจนหมอตกใจ ถึงกับหยุดพักการทำงาน แล้วก็ฉีดยาแก้ปวดให้อีก แต่ก็ไม่ช่วยอะไร ทั้ง ๆ ที่ปวด แต่ฉันก็ลืมตาดูจอคอมพิวเตอร์ตลอดเวลาที่หมอทำงาน หลังผ่าตัดแล้วเสียเลือดมาก ถ่ายเป็นเลือดตลอดเวลาอยู่สามวัน ต้องไปโรงพยาบาลฉุกเฉินอีกครั้ง และต้องไปส่องลำไส้อีกครั้ง โอ้ย...ยุ่งไปหมด ขณะที่ส่องลำไส้เลือดไหลตลอดเวลา ท้องแข็งเพราะลมเต็มท้อง พอหมอเอากล้องออกจากท้อง ลมระเบิด (ผายลม) เสียงดังสนั่นห้องพร้อมกับเลือดกระเด็นถูกพยาบาลเปียกตาม ๆ กัน พื้นห้องเปียกนองไปด้วยเลือด หมอตกใจ รีบหนีออกไปยืนสั่นอยู่นอกห้อง หมอคงไม่เคยเจอ เหตุการณ์ตื่นเต้นมากเช่นนี้มาก่อน ถึงได้รีบเผ่น สักครู่หมอจึงกลับเข้าห้องไปหาฉัน แล้วบอกว่า ผลการส่องสำไส้พบว่าที่เลือดออกไม่หยุด เพราะว่าแผลที่ถูกตัดเอานิ่วออกยังไม่ปิด ต้องรอสักระยะหนึ่ง มันจะหายเอง
เรื่องเกี่ยวกับ การเสวยอกุศลวิบากของฉันก็จบลงเพียงแค่นี้ ท่านที่ชอบรับประทานของหวานจัดมันจัด โปรดระวังนะคะ จะเจอ"นิ่วในถุงน้ำดี" เล่นงานอย่างฉัน ทางที่ดีอย่าเจอแกเลยนะ เลิกลาความหวานความมันได้ก็สบายตัวและไม่มีแผลเป็นที่หน้าท้องด้วยจ๊ะ