วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2556

โดนหลอกไปขาย


อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด  เมื่อเหตุปัจจัยพร้อมแล้วที่กรรมจะส่งผล  ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงวิบากกรรมได้เลย  ถ้าเป็นผลของกุศลกรรมก็ทำให้ได้เสวยสุขเบิกบานสำราญใจ  ใครก็เลือกไม่ได้ว่าจะเสวยแต่สุขฝ่ายเดียว  บางท่านก็อาจจะคิดว่าตนไม่มีวันที่จะเสวยทุกข์เป็นอันขาด  เพราะว่าตนเองเป็นผู้ใจบุญใจกุศล  ไม่เคยเบียดเบียนผู้อื่นและมีศีลบริสุทธิ์  แต่หารู้ไม่ว่า ในแต่ละวันจิตส่วนใหญ่เป็นไปในอกุศลมากกว่ากุศล  เพราะเหตุว่าการที่จิตจะเป็นกุศลจิตได้นั้น  ต้องเป็นไปใน  ทาน  ศีลและความสงบของจิต นับตั้งแต่ลืมตาตื่นเช้าขึ้นมา  จิตก็เป็นไปในอกุศลแล้ว  มีความติดข้องต้องการ ยินดี พอใจในสิ่งต่าง ๆ
ที่มากระทบทางตา  ทางหู  ทางจมูก  ทางลิ้น  ทางกายและทางใจ  เรียกว่าจิตไหลไปตามอารมณ์ที่มากระทบทั้ง ๖ ทวาร  ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าสติไม่เกิดขึ้น  ระลึกรู้ตามความเป็นจริงของสภาพธรรมที่ปรากฏในขณะนั้น  ก็ย่อมจะได้เสวยความทุกข์เป็นส่วนใหญ่

เราเกิดมาเพื่อเสวยผลของกรรมที่ได้กระทำไว้แล้วในชาติก่อน ๆ  หลายภพหลายชาตินับไม่ถ้วน  เราได้กระทำอะไรไว้บ้างไม่สามารถระลึกได้  แต่ผลของกรรมที่ได้ทำไว้แล้วนั้นไม่หนีไปไหนเลย  แต่จะติดตามเหมือนเงาตามตัว  จะส่งผลในวันใดวันหนึ่ง  เมื่อมีปัจจัยพร้อมแล้ว  เมื่อถึงเวลานั้นเราก็อาจจะมีคำถามกับตัวเองหรือกับผู้อื่นว่า  "มันเป็นไปได้อย่างไร ? "  อย่างเช่น  คนรวยมาก ๆ  ต่อมากลับกลายเป็นคนยากจนข้นแค้นแสนเข็ญ  ต้องเที่ยวขอยืมเงินเพื่อนฝูง  หรือไม่ก็เที่ยวขอทานในที่สาธารณะ  บางคนมีชื่อเสียงโด่งดัง  ดันพังอย่างไม่น่าเชื่อ  เป็นข่าวดังในทางเสียหายยับเยิน  คนไม่เข้าใจตามความเป็นจริง  ก็เที่ยวโทษโน่นโทษนี่  หนักหน่อยก็คิดตัดช่องน้อยพอตัว  ฆ่าตัวตายจากโลกไป นั่นก็เป็นเรื่องของจิตโง่  เพราะไม่มีที่พึ่งอันประเสริฐ ซึ่งหมายถึง "พระธรรม"  มีพระธรรมเป็นที่พึง  หมายความว่าต้องเข้าใจตามความเป็นจริงของขันธ์ห้าและเข้าใจเรื่องกรรม

วันนี้ก็จะขอนำตัวอย่างเรื่องของกรรมมาเล่าสู่กันฟัง (อ่าน)  มีป้าท่านหนึ่งได้เล่าให้ฉันฟังว่า   เมื่อไม่นานมานี้   ญาติของเธอคนหนึ่งชื่อ  "แหม่ม" (ชื่อสมมติ) อายุ  26 ปี   เธอเป็นคนสวย  รูปร่างสูงโปร่ง  ผิวดำแดง  เรียนจบวิชาชีพ  เคยทำงานเป็นเสมียนลูกจ้างที่สำนักงานแห่งหนึ่งที่ต่างจังหวัดในประเทศไทย ต่อมาเธอได้ตกงาน  ด้วยสาเหตุใดไม่ทราบ  จึงได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ  เพื่อหางานทำ ไปพักอยู่กับญาติ ๆ  ได้แนะนำให้รู้จักกับผู้ชายไทยคนหนึ่ง  เขาทำอาชีพรับสมัครคนไปทำงานเมืองนอก  สาวแหม่มคนสวยผู้นี้  ก็ไต้ตกลงที่จะไปทำงานเมืองนอก  เพราะคิดว่าคงจะมีรายได้ดีกว่าทำงานในเมืองไทยหลายเท่า  ทางชายหนุ่มที่รับสมัครงานเขาบอกว่า  ผู้จะไปทำงานต้องจ่ายเงินเองทุกอย่างก่อน  เช่น  ค่าทำวีซ่า  ค่าตั๋วเครื่องบิน  ค่าที่พัก  เป็นต้น  ตกลงกันว่าให้ซื้อตั๋วไปลงประเทศกรีก  แต่ต้องแวะที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์  3  วันก่อน  แล้วจึงจะบินต่อไปลงที่เอเธนประเทศกรีก  พอถึงเวลานั้นจริง ๆ  เหตุการณ์มันไม่เป็นตามที่ตกลงกันไว้   พอเครื่องบินแวะที่สวิตเซอร์แลนด์   เธอต้องพักอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใกล้ สนามบิน  เป็นเวลาสามวัน

หลังจากพักได้เพียงสองคืน  เธอก็ถูกหนุ่มไทยคนหนึ่งมารับตัวที่โรงแรม  ถูกพาตัวไปทำงานในสถานที่แห่งหนึ่ง ไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน  เมืองใด  เพราะว่าถูกบังคับไปตอนกลางคืน  เธอถูกบังคับให้ขายตัว  ถูกกักขังสถานที่  ในที่นั้นก็มีผู้หญิงไทยหลายคน  ที่ตกอยู่ในสภาพเดียวกับเธอ  โดนบังคับและถูกตบตีทำร้ายร่างกาย  ถ้าไม่ทำตามคำสั่งของเขา  ก็จะต้องเจ็บตัว  สาวแหม่มโชคร้ายผู้นี้ไม่มีวีซ่าเข้าประเทศ จึงต้องอยู่แบบหลบซ่อน  ลักลอบทำงานมืด  คงจะมืดแปดด้านเพราะไม่สามารถติดต่อกับใครได้  ไม่มีโทรศัพท์ติดตัว  ไม่มีเงิน  ไม่มีพาสปอร์ต  ถึงเวลาก็ต้องทำงานด้วยความทุกข์ทรมานทั้งกายและใจ

สองสัปดาห์ผ่านไปโชคเข้าข้าง  ตีสามของคืนวันหนึ่ง  หลังจากเสร็จกิจหน้าที่กันแล้ว  ก็มีการดื่มสังสรรค์กันทั้งนายจ้างและลูกจ้าง   ขณะที่พวกเพื่อนร่วมงานและนายจ้าง  ต่างก็เมากันได้ที่  สาวแหม่มได้วางแผนในใจไว้แล้ว  ว่าสักวันหนึ่งเธอจะต้องออกจากสถานที่แห่งนี้ให้ได้  แล้วจะจัดการกับเจ้าของสถานที่ให้สำเร็จ  เพื่อที่จะได้ข่วยพวกเพื่อนคนไทยที่นั่นด้วย  เมื่อได้โอกาสตอนที่ทุกคนเมากันเต็มที่แล้วก็หลับไม่รู้ตัวตาม ๆ  กัน  เพราะโดนยานอนหลับที่เธอแอบใส่ในเครื่องดื่มให้ทุกคนดื่ม  จากนั้นเธอก็รีบเก็บกระเป๋าเสื้อผ้า  คว้าเสื้อกันหนาวของเพื่อนได้  (ตอนนั้นเป็นช่วงฤดูหนาว)  แล้วรีบเผ่นอย่างเร็ว หนาวก็หนาวกลัวก็กลัวมาก   ถ้าถูกพวกคุมสถานที่ตามจับตัวได้  เธอต้องตายทั้งเป็นแน่ ๆ  แค่นี้เธอก็แทบตายทั้งเป็นอยู่แล้ว  เดินหนาวสั่นอยู่บนถนนด้วยรองเท้าแตะ  ลากกระเป๋าเดินคนเดียวตอนดึก ๆ ลองนึกสภาพดูเถอะท่านผู้อ่านคะ   ฉันว่าถ้าใครเจอสภาพเช่นนี้   บังเอิญมีใครเดินผ่านมาพบเข้าสักคนก็ถือว่าโชคดีเหมือนได้เกิดใหม่เลยนะ  สาวแหม่มไม่ทราบหรอก  ว่าเธอกำลังเดินอยู่เมืองไหน  ชื่ออะไร
ตอนนั้นเทวดาเห็นแล้ว  ท่านคงจะสงสารมั้ง  เลยดลใจให้ชายผิวดำคนหนึ่งเดินผ่านมาพบเธอ ๆ  จึงขอร้องให้เขาพาไปส่งที่สถานีรถไฟ  เพื่อจะไปหาญาติคนหนึ่ง  ผู้ชายใจดีท่านนี้  ก็ช่วยโทรติดต่อญาติให้  แหม่มมีเบอร์โทรของญาติติดมาด้วย  ญาติของเธอไม่เคยเห็นแหม่มร่วม ๒๐ ปีกว่า  พอทราบข่าวก็ตกใจ  จึงขอร้องให้ชายหนุ่มนั้น  ช่วยซื้อตั๋วแล้วส่งสาวแหม่มขึ้นรถไฟให้ด้วย   เขาก็ทำตามที่ขอร้อง แถมยังออกเงินค่าตั๋วให้ด้วย  เมื่อถึงปลายทาง  สาวแหม่มก็ได้พบกับญาติของเธอมารอรับ

ในเช้าวันเดียวกันนั้นเอง  ญาติของแหม่มได้พาไปแจ้งความตำรวจ  เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่ได้ประสบมาให้ตำรวจบันทึกไว้เพื่อดำเนินการตามกฏหมายต่อไป   ตำรวจได้นำแหม่มไปพักไว้ในที่ปลอดภัย  เป็นที่พักสตรีโดยเฉพาะ  ทางตำรวจให้ความคุ้มครองเธอเป็นอย่างดี  เพราะว่าแหม่มโดนเจ้าของสถานที่ขายบริการขู่ไว้ว่า  ถ้าหนีออกไปจากสถานที่นั้นเมื่อไหร่  เขาจะตามไปฆ่าพ่อแม่ญาติพี่น้องของเธอให้ตายหมด  จะเผ่าบ้านด้วย  สาวแหม่มได้พักอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์เพียง  ๒ เดือน  ทางตำรวจได้ส่งตัวเธอกลับเมืองไทย

ตำรวจได้สืบหาสถานที่ขายบริการแห่งนี้จนพบ  และติดตามดูความเคลื่อนไหวของเจ้าสถานที่อยู่ห่าง ๆ
ในเวลาไม่นานนักก็ได้ข่าวว่า  เจ้าของสถานที่แห่งนี้  ถูกตำรวจจับและถูกสั่งปิดไม่มีกำหนด  ตอนนี้ก็เข้าไปเสวยทุกข์อยู่ในคุกฝรั่งเรียบร้อยแล้วด้วย  ส่วนสาวแหม่มคนสวยก็คงไม่อยากไปทำงานเมืองนอกอีกแล้ว  เธอได้ไปเสวยอกุศลวิบากอย่างหนักที่ต่างแดน  สุดแสนจะทุกข์ระทมขมขื่นมาก  เห็นไหมค่ะ...เรื่องวิบากกรรมเป็นเรื่องที่ใครก็หลบหลีกไม่ได้  เมื่อเหตุปัจจัยพร้อมแล้วที่จะเกิดก็ต้องเกิด  ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน  เมื่อไร  กำหนดไม่ได้เลย  เรื่องของสาวแหม่มนี้  เธอก็ยังโชคดีมีผลของกุศลกรรมช่วยให้พ้นจากภยันตราย ได้เสวยอกุศลวิบากเพียงระยะสั้น

ถ้าเรามองในแง่ของกรรม  ก็จะเห็นว่าทุกคนมีกรรมเป็นของตน  ตนเป็นผู้เสวยผลกรรมของตน  ไม่มีใครรับผลกรรมแทนกันได้  ไม่มีใครทราบได้ว่า  กรรมของชาติใดจะส่งผล  เมื่อไร  ที่ไหน  อย่างไร  เพราะฉะนั้น  จึงควรที่จะศึกษาเรื่อง "กรรม"  ให้เข้าใจ  เมื่อถึงเวลาที่กรรมส่งผลไม่ว่าจะเป็นผลของกุศลกรรมหรืออกุศลกรรมก็ตาม  จิตใจก็จะไม่หวั่นไหวมาก  จะสามารถเข้าใจตามความเป็นจริงได้  และถ้าเราใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในโลกนี้  ด้วยความรัก ความเมตตากรุณาและเกื้อกูลเอื้อเฟื้อต่อกันด้วยความจริงใจ  ชีวิตก็คงจะมีความสุขมากกว่าความทุกข์เป็นแน่  

บทความนี้  คงจะพอเป็นข้อเตือนใจเกี่ยวกับ "การคบคนแปลกหน้า"  ควรไตร่ตรองด้วยเหตุผลให้ถี่ถ้วน ก่อนที่จะตัดสิ้นใจลงทุนทำกิจอะไรสักอย่างกับคนที่เราไม่รู้จักมาก่อน.